ข่าว เชียงราย

โจรหน้ามืด 4 คน บุกปล้นร้านรับแลกเงินกลางเมืองท่าขี้เหล็ก ห่างจากโรงพักไม่ถึง100 เมตร

โจรหน้ามืด 4 คน บุกปล้นร้านรับแลกเงินกลางเมืองท่าขี้เหล็ก ห่างจากโรงพักไม่ถึง100 เมตร

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 2 ธ.ค. เวลา 07.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีคนร้ายปล้นร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศ ถนนสายหลักท่าขี้เหล็ก บ้านแม่ขาว อ.ท่าขี้เหล็ก ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.แม่สาย ไปเส้นทางถนน R3B ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง ประมาณ 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นร้านรับแลกเงินใกล้กับร้านขายทองชื่อ“ต่อทาทา ลวิ่น” ทีเคยถูก 3 คนร้ายบุกปล้นทองมาก่อนหน้านี้แล้วแล้ว เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้ทองไปจำนวนหนึ่ง

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบถามนาย เตี้ยนหน่ายอู อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นคนดูแลร้านเพียงลำพัง มีอาการตื่นตกใจพร้อมให้การว่าก่อนหน้านี้ได้เปิดร้านตามปกติ ในขณะนั้นได้มีชายจำนวน 4 คน เดินเข้ามาหาตน หนึ่งในสี่คนนั้นชักปืนขึ้นจอขมขู่ว่าให้มอบเงินมาให้โดยดี โดยพูดเป็นภาษาจีน จากนั้นคนร้ายอีก 3 คน ได้กรูเข้ามาภายในเคาน์เตอร์ที่ตนเองยืนอยู่ แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันก่อเหตุโดยมีคนร้าย1คนได้เข้ามาล็อตตนเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ขัดขืน และคนร้ายอีก 2 คนช่วยกันรื้อค้นภายในลิ้นชัก ได้เงินสดไปประมาณ 20 ล้านจ๊าต หรือเป็นเงินสกุลไทย 4 แสนบาท โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 นาที จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้วิ่งหลบหนีออกจากร้านไปขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า มาร์ก ทู สีข่าว ทะเบียน SHN-7J 8080 ขับหลบหนีไปทางบ้านสันทรายไตย อ.ท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกติดตามไล่ล่าออกจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมาจนถึงปลายปีนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าจี้ปล้นร้านจำหน่ายทองคำรูปพรรณใน จ.ท่าขี้เหล็ก มาแล้วหลายร้าน ซึ่งแต่ละครั้งได้ทองคำไปเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ล่าสุดเกิดเหตุปล้นร้านรับแลกเงินกลางเมืองจังหวัดท่าขี้เหล็กซึ่งจุดเกิดเหตุของการปล้นจี้แต่ละครั้ง จะอยู่ละแวกใกล้เคียงกับสถานีตำรวจท่าขี้เหล็กไม่กี่ถึงร้อยเมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เมียนมาได้ประสานงานมายังทางการไทยในเฝ้าระวังติดตามกลุ่มคนร้ายที่ปล้นทรัพย์ เนื่องจากมีช่องทางข้ามลำแม่น้ำสายหลายจุดตามช่องทางธรรมชาติ

แหล่งข่าวจาก – ชมรมนักข่าวแม่สาย
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ ////////////// รายงาน ///////////////