Uncategorized ข่าว เพชรบุรี

DSI ใช้เฮลิคอปเตอร์ เร่งสางคดี บิลลี่ ที่สูญหายเมื่อ ปี 57

DSI ใช้เฮลิคอปเตอร์ เร่งสางคดี บิลลี่ ที่สูญหายเมื่อ ปี 57
กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จนพบว่านายบิลลี่ถูกฆ่าเผายัดถังน้ำมัน 200 ลิตร ถ่วงน้ำอำพรางคดี หลังนำยานยนต์สำรวจใต้น้ำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. และนักประดาน้ำ บก.สนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด. ตรวจใต้น้ำเขื่อนแก่งกระจานพบชิ้นส่วนกระดูกถูกเผา ส่งตรวจสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดานายบิลลี่ สรุปว่านายบิลลี่เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นชุดสืบสวนสอบสวนดีเอสไอเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจับกุมกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดี ขอเวลาทำงาน 3 เดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุดเมื่อเวลา10.30 น วันที่ 10 ต.ค.62 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะทำงาน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณรอบบริเวณจุดต้องสงสัยที่บิลลี่หายตัวไป ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน6จุด คือ
จุดแรก จะบินสำรวจที่ด่านตรวจเขามะเร็ว พื้นที่สุดท้ายที่มีผู้พบเห็นบิลลี่ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่อุทยานควบคุมตัวฐานครอบครองน้ำผึ้งป่า ซึ่งจุดนี้อธิบดี DSI ระบุถึงข้อสงสัยเรื่องที่มาของน้ำผึ้ง
จุดที่ 2 คือ สี่แยกบ้านหนองมะค่า ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานอ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว แต่ในคำให้การมี 2 พิกัด คือ 20 เมตรก่อนถึงแยกหนองมะค่า เป็นจุดที่เคยให้การว่าเป็นจุดปล่อยตัว แต่ภายหลัง เปลี่ยนเป็น 300 เมตร ก่อนถึงแยกหนองมะค่า เพราะพิกัดแรก มีร้านค้าที่ให้การกับตำรวจไว้ว่า ไม่เห็นการปล่อยตัวบิลลี่

จุดที่ 3 คือ บริเวณสะพานแขวนแก่งกระจาน ที่พบกระดูกของบิลลี่

จุดที่ 4 คือ บ้านไร่ชัยราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานที่อยู่ในวันที่บิลลี่หายตัวไป จุดนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานเคยให้การไว้ว่า เมื่อปล่อยตัวบิลลี่แล้ว ก็ขับรถคันนี้กลับไปที่บ้านทันที

อธิบดี DSI ระบุว่า เมื่อ DSI ได้รับสำนวนคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากการที่เจ้าหน้าที่อุทยานไม่ส่งตัวบิลลี่ไปดำเนินคดีหลังการจับกุม จาก ป.ป.ท.แล้ว พบว่า ยังต้องสอบพยานเพิ่มอีกประมาณ 20 ปาก ซึ่งอาจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดที่ควบคุมตัวบิลลี่ เพราะคำให้การหลายจุดยังไม่สอดคล้องกับวัตถุพยาน โดยเฉพาะภาพเวลาที่รถอุทยานเข้า-ออก จากกล้องวงจรปิด จึงต้องมาบินสำรวจเพิ่มในวันนี้

จุดที่ 5 คือ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติห้วยคมกฤต ซึ่งอยู่ในเส้นทางทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เส้นทางนี้มีภาพจากกล้องจุดคุ้มนางพญา บันทึกภาพรถอุทยานคันที่ควบคุมตัวบิลลี่ ผ่านกล้องเวลา 16.43น. และผ่านกลับมาเวลา 19.20น. ทั้งที่เจ้าหน้าที่อุทยานให้การว่าเมื่อปล่อยตัวบิลลี่แล้ว ก็กลับไปที่บ้านไร่ชัยราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นคนละเส้นทางกัน
จุดที่ 6 คือ พื้นที่บ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน จุดที่บ้านของชาวกะเหรี่ยงถูกเผาในยุทธการตะนาวศรีเมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ DSI ระบุว่า การทำคดีนี้ต้องย้อนไปดูบทบาทของบิลลี่ตั้งแต่ก่อนที่จะหายตัวไปด้วย เพราะเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวฟ้องร้องต่อศาลปกครองกรณีที่ถูกขับไล่ออกจากถิ่นฐาน
โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจทางอากาศ ซึ่งการปฎิบัตรการครั้งนี้ ได้รับความอำนวยจากนายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอแก่งกระจาน และนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยหลังจากสำรวจภาคพื้นดินและทางอากาศแล้ว คาดว่าจะได้ความชัดเจนและรายละเอียดประกอบการติดตามคดีเพิ่มขึ้น
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการติดตามคดีการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอยว่า การติดตามคดีการเสียชีวิตของนายบิลลี่ ว่าในขณะนี้มีความคืบหน้าเกินร้อยละ 80 แล้ว แต่ยังมีพยานที่จะต้องสอบสวนเพิ่มอีกประมาณ 20 ปาก ต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้ยังไม่ได้เรียกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และหัวหน้าชุดจับกุมบิลลี่ก่อนหายตัวไปมาสอบสวน
ส่วนการตรวจสอบกระดูกมนุษย์ทั้ง 8 ชิ้นยังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนที่ได้รับมาจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คดีความผิดตามมาตรา 157 กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่นำตัวนายบิลลี่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหาเก็บของป่ามาให้ทางดีเอสไอแล้ว ระหว่างนี้คณะทำงานกำลังพิจารณาสำนวนอย่างละเอียด
นอกจากนี้ อธิบดีดีเอสไอ และคณะ ในนามของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีอาญา ได้เดินทางไปยังบ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อพบ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายพอละจี ซึ่งถือเป็นผู้เสียหาย หรือเหยื่ออาชญากรรม เพื่อแจ้งสิทธิให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลความคืบหน้าในคดี ทั้งนี้ เป็นไปตามกระบวนการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายตามหลักสากล แห่งปฏิญญาว่าด้วยหลักพื้นฐานเกี่ยวกับการอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมและการใช้อำนาจโดยมิชอบ ค.ศ.1985

กสิพล-เพชรบุรี