Uncategorized ข่าว เพชรบูรณ์ นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.อุดรธานี โล่แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งหมิ่นประมาท และความผิด พ.ร.บ.คอมฯ

อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.อุดรธานี โล่แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
แจ้งหมิ่นประมาท และความผิด พ.ร.บ.คอมฯ

วันที่ 29 มกราคม 2563 เวลา 17.13 น. ที่ สถานีตำรวจภูธรศรีเชียงใหม่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายณเรศ อินทรโสภา อายุ 37 ปี ที่อยู่ 127 หมู่ 5 ต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ครรชิต บทมาตย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ นายธนภัทร เพชรสุวรรณ เจ้าของเพจข่าว นสพ.ข่าวอุดรธานี และอ้างเป็น บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ข่าวอุดรธานี จ.อุดรธานี
นายณเรศ อินทรโสภา กล่าวว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภาคีเครือข่ายไทย เขต 3 จ.อุดรธานี และขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ที่มาพบพนักงานสอบสวน สภ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ในครั้งนี้ เพื่อมาแจ้งความร้องทุกข์ นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาท
ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้ที่อ้างว่า เป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์อีสานนิวส์ ได้รับหมอบอำนาจจากหนังสือพิมพ์อีสานนิวส์ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมได้ทำภาพโพสต์ โดยใช้ชื่อว่า “อีสานนิวส์” โพสต์ข้อความในรูปแบบประชาสัมพันธ์ในเพจ เฟซบุ๊ก ของตัวเอง และชื่อไปซ้ำกับหนังสือพิมพ์ อีสานนิวส์ ที่เขาจดทะเบียนอยู่แล้ว ทำให้คู่กรณีไปแจ้งความที่ สภ.ย่อยนาข่า จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานให้ตนไปเจรจา เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ได้ไปเจรจา โดยในวันที่ไปเจรจามีตัวแทนของ หนังสือพิมพ์ อีสานนิวส์ และมีการเรียกบุคคล ที่อ้างว่าเป็นนักข่าวมาประมาณ 10 คน เพื่อให้มาเป็นพยาน ภายหลังมีการพูดคุยเจรจากันแล้ว ได้มีทีมข่าวคนหนึ่งเจรจาให้ผมจ่ายค่าปิดข่าว จำนวน 10,000 บาท (คนละ 1,000 บาท) ถ้าไม่จ่ายจะเอาผมไปลงข่าว และไม่รู้จะเอาผมไปลงข่าวแบบไหน แต่ผมไม่ยอมจ่าย และได้แยกย้าย
จนกระทั่งวันนี้ 29 ม.ค.63 ผมเดินทางมาพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ผมเห็นข้อความที่ได้นำไปลงในสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) และได้แชร์ไปในกลุ่มเฟซบุ๊ก ต่างๆ และมีคนเห็นข้อความข่าวดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งการนำรูปผมและข้อความอันเป็นเท็จ ตามข่าวนั้น ทำให้ผมได้รับความเสียหาย ผมจึงได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความร้องทุกข์

นายณเรศ อินทรโสภา กล่าวอีกว่า ในส่วนของการแจ้งความที่ สภ.ย่อยนาข่า ผมยังไม่ทราบว่าตำรวจรับแจ้งความหรือแค่ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่มีใบแจ้งไป เจ้าหน้าที่ได้โทรประสานให้มาเจรจากัน ผมจึงเดินทางมาเจรจาแต่ไม่ได้ข้อยุติ ในส่วนสื่อออนไลน์ที่ผมทำผมไม่มั่นใจว่าเกี่ยวกับผู้ที่มาแจ้งความผมหรือไม่ โดยก่อนที่ผมจะทำเพจ เฟซบุ๊ก ของตัวเอง ผมได้ตรวจสอบชื่อในเฟซบุ๊ก โดยดูในกูเกิ้ลก็ไม่มี และไม่เคยเห็น หนังสือพิมพ์ ฉบับดังกล่าวเลย ผมคิดว่าน่าจะไม่มีเจ้าของ อีกทั้งชื่อที่ผมใช้เครื่องหมายการค้ามันก็ไม่ตรงกับเขาเลย ส่วนเพจ เฟซบุ๊กของผม ผมทำเฉพาะกลุ่ม เพื่อแจ้งข่าวสาร กิจกรรมเฉพาะกลุ่มของผมเอง และทำขึ้นมาไม่ได้แสวงประโยชน์ ส่วนโฆษณาที่ลงก็เป็นของผมและพรรคพวกผมเอง ไม่ได้เก็บเงิน และไม่ได้ทำเพื่อการค้าแต่อย่างใด
“ผมทำงานการเมืองมานานหลายปี มีคนรู้จักมาก การที่นำภาพและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปลงในลักษณะนั้นทำให้ผมเสียหาย ประชาชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเกิดการดูหมิ่นและเกลียดชังผมได้ ซึ่งผมจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมทั้งผมจะเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ย่อยนาข่า เพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จกับผู้ที่มาแจ้งความผม รวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์กับกลุ่มคนที่อ้างเป็นนักข่าวอีกด้วยเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีผม” นายณเรศ อินทรโสภา กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.ครรชิต บทมาตย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ศรีเชียงใหม่ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาท,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และจะได้ออกหมายเรียกผู้ที่ถูกแจ้งความมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.