ข่าวร้องเรียน ข่าวรอบรั้วภูธร

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ชำแหละ!! การทุจริต ปรส. สมัย ปชป. ปี41เรียกร้อง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เร่งดำเนินคดี ( ชมคลิป )

ว่าที่ พรรรคไทยศรีวิไลย์ เรียกร้อง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้เร่งดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อ ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมทั้งเรียกร้องความเสียหายทางแพ่งหรือละเมิด กับ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินทรัพย์ ปรส อาทิ คณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส) ชุดที่ 2 แต่งตั้ง เมื่อ 23 ธันวาคม 2540 จำนวน 6 ราย พร้อม คณะรัฐมนตรี ชุดที่ 53 สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 49 ราย ที่ทำให้รัฐขาดทุนทันที 660,000 ล้านบาท ซึ่งถ้านับดอกเบี้ยถึงปัจจุบันกว่า 20 ปี ถ้าร้อยละ 2.5% ร่วม 330,000 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งกลายเป็นหนี้สาธารณะ ณ ปัจจุบัน ซึ่งเทียบเคียงกับความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว ของ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคณะรัฐมนตรี ชุด พรรคประชาธิปัตย์ เป็น รัฐบาล ตั้ง คณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส) ชุดที่ 2 เมื่อ 23 ธันวาคม 2540

 

ประกอบด้วย1. นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ ปรส 2. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ กรรมการ ปรส(ผู้แทนกระทรวงการคลัง) 3. นางธัญญา ศิริเวทิน กรรมการ ปรส(ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย) 4. นางจันทรา อาชวานันทกุล กรรมการ ปรส(ผู้ทรงคุณวุฒิ)5. นางเกษรี ณรงค์เดช กรรมการ ปรส(ผู้ทรงคุณวุฒิ)6. นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ กรรมการและเลขาธิการ ปรส โดย มติ คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 53 เมื่อ 23 ธันวาคม 2540 ประกอบกอบด้วย1.นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี 2.นายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี 3.นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี 4.นายปัญจะ เกสรทอง รองนายกรัฐมนตรี 5.นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี 6.คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 7.นายสาวิตต์ โพธิวิหค รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 8.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 9.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 10.พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 11.นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 12.พลเอก วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 13.นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 14.นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 15.นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 16.นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 17.หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 18.นายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์19.นายวิรัช รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 20.นายสมชาย สุนทรวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 21.นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 22.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 23.นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม24.นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 25.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

26.นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 27.นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 28.นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 29.พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 30.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 31.นายวัฒนา อัศวเหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 32.นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 33.นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 34.นายสุทัศน์ เงินหมื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม35.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน36.นายจองชัย เที่ยงธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน37.นายประกอบ สังข์โต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน38.นายยิ่งพันธ์ มนะสิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี39.นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40.นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 41.นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 42.นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ43.นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข44.นายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข45.นายคำรณ ณ ลำพูน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข46.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม47.นายพลกฤษณ์ หงส์ทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม48.นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม49.นาวาโทเดชา สุขารมณ์ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย

คณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) ชุดที่ 2 ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลชวน 2 ก็คือ ชุดที่นำทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินไปประมูลขายในราคาที่ถูกแสนถูก จากทรัพย์สินประเมินว่าน่าจะมีมูลค่ามากถึง 851,000 ล้านบาท กลับถูกขายทอดตลาดด้วยมูลค่าเพียง 190,000 ล้านบาท ขาดทุนทั้งสิ้น 660,000 ล้านบาท
หากย้อนอดีตไปเมื่อปี 2540 วิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ปาเข้าไปนานถึงยี่สิบเอ็ดปี กับ สำนวนคดี การขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส.เกี่ยวกับการเร่ขายสินเชื่อที่อยู่อาศัย 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ เมื่อ 26 สิงหาคม 2559 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีดำ อ.3344/2551 ความผิดฐานร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา11 ตัดสิน จำเลยที่ 1-2 จำคุก เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปีจำเลยที่ 1 นายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) จำเลยที่ 2 นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีต เลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) เหล่านี้ คือ ผลของการกระทำดังกล่าวทำให้ การประมูลทรัพย์ ได้ราคาที่ต่ำมาก ซึ่ง ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดี ปรส. ชี้การกระทำดังกล่าวว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  แถลงสรุปผลการประชุม ยังพบว่า มีการดำเนินการหลายกรณี ไม่เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ หลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น 10 ประเด็น ดังนี้1.ปรส.ยินยอมให้นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ปรส.เข้าประมูลซื้อทรัพย์สิน จากปรส.โดยมิชอบ2.คณะกรรมการ ปรส.บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องปกปิดข้อเท็จจริง กระทำการโดยไม่โปร่งใส3.ข้อกำหนดของ ปรส.ที่ให้ผู้ชนะการประมูลโอนสิทธิได้ขัดต่อกฎหมาย4.การโอนสิทธิของผู้ชนะการประมูล ไม่ชอบ ขัดต่อ พรก.ปรส.5.ข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของคณะกรรมการ ปรส.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย6.คณะกรรมการ ปรส.และกลุ่มนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปรส.ฝ่าฝืนข้อสนเทศการขาย ทรัพย์สิน7. กองทุนรวมที่รับโอนสิทธิจากผู้ชนะการประมูลซื้อทรัพย์สินจาก ปรส. ยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล8.มีการทำสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย9.สิทธิของนิติบุคคลที่ชนะการประมูลไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของปรส. และ10.ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ปรส.บางคนขาดคุณสมบัติเนื่องจากดำรงตำแหน่งทับซ้อน กับสถาบันการเงินอีกแห่ง คดีเดิม คดี ที่ 1 กรณี บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2541 ยอดคงค้างทางบัญชี 24,616.95 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 11,520 ล้านบาทคดีที่ 2 กรณีบริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล ยอดคงค้างทางบัญชี 115,890.96 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาทคดีที่ 3 – 4 กรณี บริษัท เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับ กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 1 – 3 ยอดคงค้างทางบัญชี 64,303.34 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 23,176.38 ล้านบาท
คดีที่ 5 กรณี บริษัท วีคอนกลอมเมอเรท จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมวีแคปปิตอล ยอดคงค้างทาง บัญชี2,376.73 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 3,189.90 ล้านบาท