8 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านตำบลหนองน้ำแดง-ตำบลปากช่อง หมู่ 2 และ หมู่ 14 ร่วมฟังประชาพิจารย์ รับฟังความคิดเห็น สัมปะทานบัตร เหมืองแร่ดิน ของบริษัทปูนซิเมนต์ นครหลวง จัดโดยอำเภอปากช่องและอุตสาหกรรมจังหวัด ด้านชาวบ้านรวมตัวออกมาคัดค้านการก่อสร้าง เหมืองแร่ดินดังกล่าวหวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตทางการเกษตร ผลไม้และทำลายแหล่งการท่องเที่ยวชุมชนอีกทั้งโครงการดังกล่าวสร้างกลางชุมชนหวั่นมลพิษและการสัญจรของเยาวชน-ประชาชนจะได้รับอันตราย
โดยที่ผ่านมาทางอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับอำเภอปากช่อง ผู้นำชุมชนและตัวแทนจาก บริษัทปูนซิเมนต์ นครหลวง จำกัด(มหาชน) ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านหมู่ที่2และหมู่ที่14ขึ้นภายในหมู่บ้านบริเวณศาลาประชาคมเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อประธานบัตรก่อสร้างเหมืองแร่ดินของบริษัทปูน ซิเมนต์ นครหลวง จำกัด บริเวณพื้นที่ 105ไร่ 1งาน 86ตารางวา ตั้งอยู่หมู่ที่2 ตำบลน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยเป็นการขอประธานบัตรทับพื้นที่ประธานบัตรเดิมเลขที่28811/15999 ที่เคยได้รับอนุญาตและปัจจุบันสิ้นอายุแล้ว
แล้วพื้นที่ขอประธานบัตรที่2/2567ทั้งแปลง อยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของ บริษัท ได้แก่ โฉนดเลขที่ 20455 เลขที่ดิน7ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยโครงการทำเหมืองแร่ดินอุตสาหกรรม ชนิดดินซิเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ นครหลวง จำกัด(มหาชน)จะทำ โดยวิธีเหมืองเปิด (open pit) ตลอดอายุโครงการ 5ปี และได้ยื่นขอต่อประธาน การทำเหมืองต่ออุตสาหกรรมจังหวัด เป็นที่มาของการนำเสนอข้อมูลประชาพิจารณ์ให้กับชาวบ้านในครั้งนี้ ทางด้านกลุ่มชาวบ้าน ประกอบด้วย นายวิรัตน์ กล้าหาญ นายมนตรี สุดโต นางสาว สาววิต ศรีมงคล แล้วนาย สวิล คงแคลง ชาวบ้านตำบลหนองน้ำแดง หมู่2 ได้ออกมาให้ความเห็นว่าพื้นที่ก่อสร้างเหมืองแร่ดินดังกล่าวอยู่ติดกับวัดและกลางชุมชนที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่หนาแน่นกว่า 500 ครัวเรือนแล้วมีการปลูกพืช อาทิ แก้วมังกร ทุเรียน อโวคาโด้ น้อยหน่า เป็นจำนวนมาก อีกทั้งบริเวณโดยรอบเหมืองยังมีการลงทุนของนักลงทุนทำธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และรีสอร์ทจำนวนมาก เป็นชุมชนเกษตร และการท่องเที่ยว หากเหมืองแร่มาทำการก่อสร้าง จะทำให้เกิดมลภาวะด้วยสิ่งแวดล้อมอาทิ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณรัศมี 5 กิโลเมตรการสัญจรจะยากลำบาก เพราะมีรถบรรทุกวิ่งเข้าออกวันละเกือบ 100 เที่ยว/วัน อีกทั้งมลพิษจากฝุ่นจะทำให้เกิดผลเสียต่อพืชผลทางการเกษตร น้ำบาดาลใต้ดินที่ทางบริษัทปูนซิเมนต์จะเจาะลึกลงไป15-20เมตร จะส่งผลต่อน้ำใต้ดินของชาวบ้านทิศทางน้ำอาจจะเปลี่ยนได้ ดังนั้นชาวบ้านส่วนไหญ๋จึงไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเหมืองแร่ดินของบริษัทในครั้งนี้และวิงวอนขอให้บริษัทหยุดก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อเก็บป่าพื้นนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
ทางด้าน ดร.เรืองเกียรติ สุวรรโณภาส อ.มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ณ หมู่บ้านแห่งนี้ได้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกับชาวบ้านร่วมกันคัดค้านโครงการนี้ตั้งแตเดือนมกราคม 2568 ได้นำชาวบ้านไปยื่นหนังสือต่อผูว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาทนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ที่ศูนย์ดำรงธรรม และสำนักงานอุตสาหดรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว และเป็นที่มาการเสนอโครงการทำประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ซึ่งตนได้ทำการยื่นหนังสือการคัดค้านต่อปลัดอำเภอปากช่อง และนายภพธรรม สุนันธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชน พื้นที่ภาคคะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล ว่าชาวบ้านไม่สนับสนุนโครงการนี้ เพราะจะให้โทษมากกว่าผลดีต่อขุมชนโดยรอบและตนจะยื่นหนังสือต่อ สส.และกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม ต่อไป.
กันตินันท์ เรืองประโคน รายงาน