17 พฤษภาคม 68 ณ โรงแรมบรรจงบุรี จ.สุราษฎร์ธานี พลตำรวจโท พัฒนวุธ อังคะนาวิน ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประจำ กระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ปีที่ 2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับ และนายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน
จากสถานการณ์ภาวะหนี้ของประเทศไทยกระทรวงยุติธรรมได้รับนโยบายจาก นายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงิน และไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมของผู้มีภาระหนี้สินโดยมีเป้าหมายคือดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอีกทั้งต้องเกิดจากความสมัครใจเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายสร้างการตระหนักรู้ และเข้าใจเพื่อเลือกใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในการยุติข้อพิพาททางแพ่ง และข้อพิพาททางอาญาตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทพ.ศ.2562 ประกอบด้วยการไกล่เกลี่ยหนี้สินก่อนฟ้องตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 และหลังศาลมีคำพิพากษาตามระเบียบกรมบังคับคดีว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2558 เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้,ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล,เช่าซื้อ,ลิสซิ่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์ฟ้องหรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญาเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผน และสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนเป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนต่อไป
ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้จัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความ เป็นธรรม” ปีที่ 1 มาแล้ว ทั้ง 76 จังหวัด จำนวน 89 ครั้ง ช่วยเหลือลูกหนี้ได้ จำนวน 132,303ราย จำนวนทุนทรัพย์ 23,901.84ล้านบาท แยกเป็นลูกหนี้ก่อนฟ้อง ช่วยเหลือได้ 66,172 ราย ทุนทรัพย์ จำนวน 11,217.04 ล้านบาท ลูกหนี้ หลังศาลมีคำพิพากษา ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ จำนวน 66,131 ราย ทุนทรัพย์ จำนวน 12,684.8 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ กยศ. ครั้งที่ผ่านมามีการคำนวนยอดหนี้ใหม่ 3.65 ล้านบัญชีเสร็จแล้ว ผู้กู้ 2.98 ล้านราย ได้รับ ประโยชน์ ช่วยลดหนี้ผู้กู้เป็นเงินกว่า 53,326 ล้านบาท ปลดภาระผู้ค้ำได้ 2.8 ล้านราย โดย จ.สุราษฎร์ธานีมีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจทำให้เกิดรายได้เข้ามาจำนวนมาก แต่ทั้งนี้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนกลับสวนทางกับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกับประชาชนที่มีรายได้น้อย ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น มีการกู้ยืมเงินทั้งใน ระบบและนอกระบบเพื่อนำมาใช้จ่ายและต่อยอดการลงทุน
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ปีที่ 2 มีการจัดงานรูปแบบ Events (1) การบูรณาการร่วมกันระหว่าง กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทั้งนี้ในการจัดงาน 31 ครั้งที่ผ่านมามีลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยกว่า 56,000 ราย ทุนทรัพย์กว่า 5,800 ล้านบาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน กว่า 2,730 ล้านบาท และปลดผู้ค้ำประกัน 36,274 ราย
(2)จัดกิจกรรมไปเกลี่ยหนี้ ตามบริบทของพื้นที่ โดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัด สำนักงานบังคับคดี จังหวัด และภาคีในพื้นที่
(3)การจัดการไกล่เกลี่ยหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านระบบออนไลน์โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และกองทุนเงินให้ผู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
สำหรับการจัดงานในจังหวัดสุราษฎร์รานีในครั้งนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. 68 รวม 3 วัน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ,กรมบังคับคดี,สำนักงานยุติกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี,สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมบูรณาการกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และสถาบันการเงิน,ธนาคารพาณิชย์,หน่วยงานภาครัฐ,รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนได้เชิญชวนลูกหนี้เข้าร่วมงาน ทั้ง 3 วัน จำนวนกว่า 4,760 ราย ทุนทรัพย์รวม 301 ล้านบาท โดยสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วม จัดการไกล่เกลี่ย และปรับ โครงสร้างหนี้ มีดังนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขนาคารออมสิน, กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน, ธนาคารอาคาร สงเคราะห์, สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร, บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด, บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด, บริษัทเจ เอ็ม ที เน็ท เวอร์ค เซอร์วิชเต็ล จำกัด (มหาชน
โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์คือการผ่อนผันการชำระหนี้ ดอกเบี้ยปรับลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือนงคฟ้องดำเนินคดี และรับเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน สำหรับในส่วนของชั้นบังคับคดี หรือหลังคำพิพากษา ประโยชน์ที่จะได้รับคือการขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ ลดเบี้ย ปรับ ลดจำนวนเงินผ่อนชำระหนี้ เคยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมายมาย สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม โทร 1111 กด 77 และสายด่วนกรมบังคับคดี โทร 1111 กด 19 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
สุพจน์ คำจันทร์ รายงาน