7 มิถุนายน 2568 พล.ต.ท. สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค8 และฝ่ายปกครองจังหวัดพังงา ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายสิทธิพันธ์ หรือแบน อายุ 30 ปี ชาว ม.7 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง โดยมีหมายจับของศาลจังหวัดพังงา พร้อมกับทำการตรวจยึดทรัพย์สิน ที่เชื่อว่าผู้ต้องหานี้ได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประกอบด้วยอาวุธปืน และเงินสด จำนวน 200,000บาท ทองคำรูปพรรณและทรัพย์สินอื่น ราคาประมาณ 800,000 บาท รถยนต์ 5 คัน ราคาประมาณ 2,500,000 บาท รถจักรยานยนต์ 1 คัน ราคาประมาณ 50,000 บาท และวัวในฟาร์มจำนวน 29 ตัว ราคาประมาณ 1,500,000 บาท โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน2 แปลงราคาประมาณ 5,000,000 บาท รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดในครั้งนี้ ราคาประมาณ 10,050,000 บาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุม นายคเนศร์ ผู้ต้องหาพร้อมยึดยาบ้าจำนวน 608 เม็ด จากนั้นได้มีการสืบสวนขยายผล จนทราบว่ามี นายสิทธิพันธ์ หรือแบน ได้ลักลอบจำหน่ายยาบ้า ให้กับกลุ่มลูกค้าในอำเภอ ท้ายเหมือง และ ตำบล โคกกลอย โดยติดต่อตกลงซื้อขายยาบ้าผ่าน แอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ” Band Sittthiphan” และรับชำระเงินค่ายาเสพติดผ่านบัญชีม้า ของธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอท้ายเหมือง เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า นายสิทธิพันธ์ ได้สมคบและกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด และเป็นการกระทำในลักษณะของการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอันเป็นความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติค หรือกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพังงาเพื่อออกหมายจับและหมายตรวจค้นบ้าน จากนั้นได้อาศัยเวลาช่วงเช้าที่ผ่านมาเข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาในพื้นที่ ม.7 ท้ายเหมือง อ ท้ายเหมือง จ.พังงา
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกับระหว่างตำรวจภูธรจังหวัดพังงาและผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ภายใต้ยุทธการพิทักษ์ภูงากวาดล้างอาชญากรรมยาเสพติด เป็นการบังคับใช้กฎหมายในการยับยั้งการแพร่กระจายของยา เสพติดให้โทษอันเป็นบ่อนทำลายความสงบสุขของประชาชนในจังหวัดพังงา ทั้งนี้จะได้มีการดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ที่เกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ต่อไป