22 พฤษภาคม 2568 ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาดนัด “ม่อนจำศิล” ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นางสาวเบญจกูญช์ วิหกหงษ์ วัย 53 ปี และ นายวาสุกรี รุ่งทอง (สามี) วัย 57 ปี กำลังง่วนอยู่กับการทำขนมข้าวเกรียบปากหม้อร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งชวนให้ลูกค้าที่สัญจรไปมาต้องแวะเวียนมาลิ้มลองและซื้อกลับบ้าน
นางสาวเบญจกูญช์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนและสามีเคยเป็นพนักงานประจำบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เมื่อปี พ.ศ. 2563 เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บริษัทเลิกจ้างงาน ทั้งคู่จึงย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านซ่าน ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ และเริ่มต้นเปิดร้านขายขนมข้าวเกรียบปากหม้อที่บ้าน
จุดเด่นของข้าวเกรียบปากหม้อร้านนี้คือรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม เริ่มแรกมีเพียงสูตรดั้งเดิม ต่อมาได้มีการประยุกต์เป็นสูตรรวมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จากนั้นทั้งคู่ยังได้คิดค้นและศึกษาการทำไส้ใหม่ๆ เช่น ไส้กุยช่าย ไส้หน่อไม้ และไส้เผือก เพื่อเพิ่มความหลากหลายและรสชาติที่แตกต่าง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ด้วยทำเลที่ตั้งของร้านที่บ้านไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน นางสาวเบญจกูญช์และสามีจึงตัดสินใจออกตระเวนขายตามตลาดนัดต่างๆ ทุกวัน ทำให้มีรายได้สูงถึง 3,000-4,000 บาทต่อวัน
นางสาวเบญจกูญช์ยังใจดีเปิดเผยสูตรการทำข้าวเกรียบปากหม้อให้ฟัง โดยเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบหลักคือ แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และน้ำเปล่า สำหรับไส้กุยช่ายจะใช้น้ำมันกระเทียมเจียว เบกกิ้งโซดา น้ำตาล และกุยช่าย
ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อม ผสมรวมกัน ค่อยๆ เติมน้ำลงไปทีละน้อย พร้อมคนแป้งให้ละลายเข้ากันจนหมด พักแป้งไว้ 20-30 นาที ระหว่างนั้นให้เตรียมไส้กุยช่ายโดยนำกุยช่ายหั่นผสมกับน้ำมันกระเทียมเจียว เบกกิ้งโซดา และน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำไปผัดในกระทะด้วยไฟอ่อนจนกุยช่ายสุก ตักขึ้นพักไว้
.
สำหรับการประกอบข้าวเกรียบปากหม้อ จะใช้หม้อทรงสูงปิดปากด้วยผ้าขาวบางขึงให้ตึง เจาะรูเล็กน้อยเพื่อระบายไอน้ำ เติมน้ำครึ่งหม้อแล้วต้มให้เดือด เมื่อน้ำเดือด ตักแป้งละเลงบนผ้าขาวบาง วาดให้เป็นแผ่นกลม ปิดฝาอบเพื่อให้แป้งสุก เมื่อแป้งพองขึ้น ตักไส้กุยช่าย (หรือไส้อื่นๆ ตามชอบ) ลงไป ปิดฝาพักไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นใช้ไม้พายซิลิโคนเกลี่ยแป้งห่อไส้ให้สวยงาม
.
ข้าวเกรียบปากหม้อร้อนๆ ที่ได้จะนำมาวางบนใบตอง รอจนเย็น โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยและกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหัวกะทิปรุงรสเค็มเล็กน้อย โรยกระเทียมเจียว และทานคู่กับพริกขี้หนู ผักกาดหอม และผักชี โดยจะบรรจุใส่กล่องพลาสติกจำหน่ายกล่องละ 30 บาท ซึ่งใน 1 กล่องจะมีข้าวเกรียบปากหม้อ 4 สี พร้อมน้ำกะทิหรือน้ำจิ้มสูตรเด็ดบรรจุในภาชนะเล็กๆ ให้ด้วย
.
ข้าวเกรียบปากหม้อถือเป็นอาหารว่างยอดนิยมที่สามารถทานได้ทั้งคาวและหวาน จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขายดีอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 089-147194
นาคา คะเลิศรัมย์ รายงาน