ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น แม่ฮ่องสอน

กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมตัวกันเดินทางยื่นหนังสือประท้วงมราคาตกต่ำ

22 พฤษภาคม 2568  ได้มีเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม พื้นที่อำเภอเมือง และ พื้นที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 100 คน นำโดย นายทินกร ปุรณวิทย์ , นายอาวุธ ขยันดี และ นายนิรันดร์ จันทร์แค้น ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พากันเดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนติดธุระราชการเป็นประธานเปิดคลินิกเกษตรที่อำเภอปาย จึงได้มอบหมายให้ ผู้แทน เป็นผู้มารับหนังสือดัง ส่วนในพื้นที่อำเภอปาย ทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในพื้นที่ อำเภอปางมะผ้า และ อำเภอปาย จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยมวลชนประมาณ 100 คน เช่นกัน  นอกจากจะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้ว กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังได้มีการยื่นหนังสือต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.เขต 1 จังหวัดพะเยา , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 2 ที่อำเภอแม่สะเรียง

โดยในหนังสือที่ยื่นนั้นระบุว่า ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องฮ่องสอน เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีประชากรในพื้นที่จำนวน 287,644 คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักคืออาชีพเกษตรกรรม พืชที่ปลูกได้แก่ข้าวโพด ถั่ว และกระเทียม เป็นต้น โดยในปัจจุบันพืชที่นิยมปลูกเป็นส่วนมากได้แก่กระเทียม ซึ่งในปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาราคากระเทียมตกต่ำ และไม่มีพ่อค้ามารับซื้อกระเทียมในพื้นที่ปัจจุบัน มีกระเทียมแห้งคงเหลือในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 4,422.25 ตัน มีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 1,1,17 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2568)

นายนิรันดร์ จันทร์แค้น นายก อบต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากทั้ง 5 แนวทางที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเสนอมมานั้น สามารถแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรได้เพียง 3-5 เปอร์เซ็นต์ ของ ปริมาณผลผลิตกระเทียมที่ผลิตได้ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และบางมาตรการปฏิบัติได้ยาก จึงมีผู้เข้าร่วมโครงการฯน้อย กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงใคร่ขอให้ท่านพิจารณา และให้ความช่วยเหลือมเกษตรกรเพื่อแก้ปัญหากระเทียมราคาตกต่ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาวดังนี้  ขอให้ชะลอการนำเข้ากระเทียม และพืชผักอื่นๆจากต่างประเทศ เป็นเวลา 3 – 6 เดือน เพื่อให้กระเทียมในประเทศมีราคากระเตื้องขึ้นและมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่  ควรกำหนดปริมาณกระเทียมที่นำเข้าให้มีปริมาณที่เหมาะสมพอดีกับปริมาณผลผลิตในประเทศ เมื่อเทียบกับปริมาณการบริโภคภายในประเทศ โดยตรวจสอบข้อมูลปริมาณผลผลิตให้ตรงกับข้อเท็จจริง  ขอให้เข้มงวดในการป้องกันการลับลอบนำเข้ากระเทียมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อมีการตรวจยึดให้มีการทำลายทิ้ง เนื่องจากแต่เดิมเคยนำของกลางไปประมูลจำหน่าย ทำให้มีกระเทียมจำหน่ายภายในประเทศ ไม่ช่วยแก้ไขปัญหากระเทียมราคาตกต่ำ

แก้ไขปัญหาเรื่องราคาของผลผลิต ขอให้ช่วยพยุงราคา รักษาราคาอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งในปัจจุบันต้นทุนกระเทียมแห้งอยู่ที่ กิโลกรัมละ 40 บาท ขอให้ช่วยซื้อในราคากิโลกรัมละ 50 บาท การให้บริษัท ห้างจำหน่ายสินค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือโรงงาน รับซื้อกระเทียมไทยตกลงซื้อขายที่แน่นอน กับกลุ่มผลิตกระเทียมในพื้นที่ ในบริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของปริมาณ การใช้ของบริษัท ห้างจำหน่ายสินค้าปลึกขนาดใหญ่ หรือโรงงานนั้นๆ  และขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หาวิธีการลดต้นทุนการผลิตกระเทียม และหาพืชใหม่ๆที่มีความต้องการของตลาด ผลตอบแทนสูงใกล้เคียงกระเทียม ส่งเสริมปลูกทดแทนกระเทียมทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงขอเรียนให้ท่านทราบถึงปัญหาและพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วนต่อไป

สำหรับปัญหาเรื่องราคากระเทียมตกต่ำและไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียม เป็นปัญหาเรื้อรังของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีหลายครั้งที่เกษตรกรต้องลงปิดถนนทางเข้าจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งสองเส้นทางคือทางหลวงหมายเลข 1095 ที่อำเภอปาย และทางหลวงหมายเลข 108 ที่อำเภอแม่สะเรียง ทางแก้ของรัฐบาลคือเอาเงิน คจก.มาให้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม โดยมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง การแก้ไขปัญหาในระดับจังหวัดล้มเหลว ทั้งที่มีสถานการณ์ในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด การไม่สนใจเมื่อมีการผลิตและผลผลิตออกสู่ท้องตลาด หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกลับไม่สนใจ จนมีการร้องเรียนต่อสื่อแล้วจึงค่อยมาประชุมหาทางแก้ปัญหา ซึ่งมันสายเกินไปที่จะแก้ไขปัญหาได้ จนทำให้สถานการณ์บานปลาย และไปเข้าทางนักการเมืองที่ได้ผลประโยชน์จากเกษตรกรตาดำๆ

ภานุเดช ไชยสกูล รายงาน