ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น แม่ฮ่องสอน

ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบชายแดนพม่า มีแนวโน้มขาดแคลนอาหาร

 

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่มีงบประมาณด้านอาหารให้ผู้ลี้ภัย ส่งผลให้ผู้หนีภัยการสู้รบที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ จะไม่ได้รับการสนับสนุนอาหารอีกต่อไป และปัจจุบันหน่วยงานในพื้นที่ยังไม่สามารถหางบประมาณมาทดแทนในส่วนนี้ได้

29 กรกฎาคม 2568  นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์กรณี IRC หยุดให้บริการและองค์การ TBC ลดการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอขุนยวม ชั้น 2 โดยมี นายอำเภอขุนยวม หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและระดับอำเภอ หัวหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่สุริน ผู้แทนองค์การกุศลเอกชน(NGOs) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยสรุปประเด็นการประชุมหารือการเตรียมความพร้อมดำเนินการหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568

1. ด้านสาธารณสุข
1.1 โรงพยาบาลขุนยวมจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำจุดตรวจหน้าเป็นที่พักพิงชั่วคราวฯ เพื่อคัดกรองผู้ป่วยและประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่อส. จำนวน 1 คน ซึ่งจะปฏิบัติงานในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ จำนวน 3 วัน และปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลขุนยวม จำนวน 2 วัน ต่อสัปดาห์ โดยได้รับค่าจ้างจากทางโรงพยาบาล
1.2 องค์การ IRC ยังคงมียาสำหรับรักษาผู้หนีภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ต่อเนื่องประมาณ 3-4 เดือน และโรงพยาบาลขุนยวมสนับสนุนเพิ่มตามความจำเป็นและจัดทำรายละเอียดรวบรวมไว้เป็นข้อมูล
1.3 หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 องค์การ IRC จะส่งมอบสถานพยาบาล ยา และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และยังสามารถจ้างเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมต่อไปได้อีก จำนวน 1 เดือน
2. ด้านการจัดการขยะในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่สุริน โดยให้ผู้หนีภัยกันสู้รบปฏิบัติตามเดิมในการคัดแยกขยะและบรรจุถุงซึ่งจะมีการจัดเก็บและนำไปทิ้งสัปดาห์ละครั้ง โดยขอความอนุเคราะห์รถยนต์ในการไปทิ้งจากผู้ประกอบการ
3. ด้านการบริหารจัดการดูแลน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ที่ผ่านการอบรมร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับผิดชอบร่วมกันดูแลน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค รวมคือการจัดหาและขอสนับสนุนของผงคลอรีนที่ใช้ในการบริหารจัดการดูแลน้ำ โดยองค์การ IRC ยังคงมีผงคลอรีนคงเหลือใช้ได้ประมาณ 3-4 เดือน
4. ด้านอาหาร หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ทางองค์การ T BC สามารถสนับสนุนอาหารให้กับผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ได้เฉพาะกลุ่มเปราะบางเท่านั้น โดยระบบบัตรอาหารจะสิ้นสุดลงและจะเปลี่ยนเป็นการแจกอาหารพื้นฐาน เช่น ข้าว น้ำมัน ถั่ว ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้น ส่วนผู้หนีภัยการสู้รบที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ จะไม่ได้รับการสนับสนุนอาหารอีกต่อไป และปัจจุบันหน่วยงานในพื้นที่ยังไม่สามารถหางบประมาณมาทดแทนในส่วนนี้ได้ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะรายงานให้กับกระทรวงมหาดไทยทราบและหาแนวทางแก้ไขโดยด่วนต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายเล่าฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผู้หนีภัยจากการสู้รบอยู่ในศูนย์ประมาณกว่า 25,000 คน ทางการไทยควรที่จะหาแนวทางในการช่วยเหลือด้วยการเปิดโอกาสในผู้ลี้ภัยสามารถหางานทำได้ในจังหวัด ฯ เพราะ ผู้ลี้ภัยที่ถูกตัดงบประมาณจากต่างประเทศ พวกเขาจะดำรงชีวิตได้อย่างไร และควรคำนึงถึงสภาพชีวิตคนกว่า 2 หมื่นคนที่อดอยากไม่มีกินอาจจะก่อปัญหาให้กับไทยได้อย่างคาดไม่ถึง

สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดชายแดน มีประชากรรวมกันทั้ง 7 อำเภอ ประมาณ 288,082 คน และเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวจากการสู้รบ จำนวน 4 แห่ง ปัจจุบันมีผู้อพยพหนีภัยจากการสู้รบภายในศูนย์มากกว่า 2 หมื่นคน

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ได้มีการสู้รบบ่อยครั้งระหว่างรัฐบาลเมียนมากับชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน เป็นเหตุให้มีผู้หลบหนีภัยการสู้รบเดินทางเข้าในเขตพื้นที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา เมื่อ 8 สิงหาคม 2531 เกิดการอพยพของชนกลุ่มน้อยในเมียนมาสู่พื้นที่ชายแดนตามอำเภอต่าง ๆ จ.แม่ฮ่องสอน สูงถึง 39,780 คน กระจัดกระจายอยู่ในหลายหมู่บ้าน ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ดำเนินการจัดตั้งพื้นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อดูแลให้ความปลอดภัยตามสภาวการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรัฐบาลไทยได้อนุญาตให้ผู้อพยพหนีภัยดังกล่าวอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบริเวณชาแดนไทย-เมียนมา ตามหลักมนุษยธรรมจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับการสนับสนุนดูแลจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) โดยมีองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ 10 ประเทศเข้าไปดูแล อาทิ องค์การ TBBC เข้าไปดูแลเรื่องอาหาร ข้าวสาร น้ำตาล อาหารเสริม และเกลือ ส่วน IRC เข้าไปดูแลเรื่อง สาธารณสุข สำหรับ JRS ดูแลด้านการฝึกอาชีพ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ รวมแล้ว 11 องค์กรที่เข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือแต่ละศูนย์ รวมทั้งมีการฝึกอาชีพ สอนภาษาถิ่น และภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยเปิดให้เรียนเป็นวิชาเลือก และยังมีโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นหากอาการหนักจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด

ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบ จำนวน 4 พื้นที่ด้วยกัน ได้แก่

1.พื้นที่พักพิงบ้านใหม่ในสอย ต.บางปางหมู อ.เมือง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2539 ปัจจุบันมีผู้หนีภัย จำนวน 1,719 ครัวเรือน จำนวน 6,642คน

2.พื้นที่พักพิงบ้านบ้านแม่สุริน ต.ขุนยวม อ.ขุนยวม ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2535 ปัจจุบันมีผู้หนีภัยจำนวน 407 ครัวเรือน จำนวน 1,831 คน
3.พื้นที่พักพิงบ้านแม่ลามาหลวง ต.สบเมย ตั้งขึ้นเมื่อป พ.ศ.2538 ปัจจุบันมีผู้หนีภัย จำนวน 1,692 ครัวเรือน จำนวน 9,071 คน

4. พื้นที่พักพิงบ้านแม่ละอูน ต.สบเมย อ.สบเมย ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2546 ปัจจุบันมีผู้หนีภัย จำนวน 1,513 ครัวเรือน จำนวน 8,053 คน

รวมผู้หนีภัยใน 4 พื้นที่พักพิงจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 5,333 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้น จำนวน 25,597 คน ในจำนวนนี้มีเด็กมากถึง 10,260 คน ร้อยละ 42 นักถือศาสนาคริสต์ และอีกร้อยละ 7 นับถือศาสนาพุทธ ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา มีผู้หนีภัยจากทั้ง 4 ศูนย์ ฯ ได้เดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ยังประเทศที่ 3 เช่นที่ประเทศออตเตรเลีย สวีเดน นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ไปแล้วกว่า 25,000 คน ในจำนวนนี้เดินทางไปยังประเทศอเมริกามากที่สุดกว่า 1 หมื่นคน

ในขณะที่ในพื้นที่รัฐคาเรนนี ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และ อ.ขุนยวม ยังคงมีการสู้รบอย่างต่อเนื่องระหว่างกองกำลัง ชนชาติคาเรนนี กับทหารรัฐบาลเมียนมา และยังคงมีบางส่วนที่พยายามหนีเข้ามาในไทย เนื่องจากถูกทางการเมียนมาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ประชาชนในแทบทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ภานุเดช ไชยสกูล  รายงาน