Reporter&Thai Army ข่าว นราธิวาส ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น

แม่ทัพภาค 4 ร่วมตรวจเหตุยิงชาวบ้านตากใบ ตาย 3 เจ็บ 2

3 พฤษภาคม 2568 พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส น.อ.สันติ เกตุศรีพงษ์ศา ผบ.ฉก.นย.ทร.นายอนิรุทร บัวอ่อน ปลัด จ.นราธิวาส นายกฤษฎา สุขสบาย นายอำเภอตากใบ พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผกก.สภ.ตากใบ และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส จ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเดินทางมาตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม ยิงใส่บ้านของชาวบ้าน จำนวน 3 หลัง ในพื้นที่บ้านปลักปลา ม.5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 3 ราย คือ 1. นายดำ จันทร์คง อายุ 46 ปี 2. ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 9 ขวบ และ 3. นายแดง ตุนาสุข อายุ 59 ปี และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ 1.นายเชาว์ จันทร์คง อายุ 44 ปี และ 2. นายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29 ปี เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.38 น. ของคืนวันที่ 2 พ.ค.68 ที่ผ่านมา

จากการพูดคุยกับนางเฉลิมศรี เรือนสังข์ อยู่บ้านเลขที่ 1/3 ม.5 ที่อยู่ในเหตุการณ์และรอดตายมาอย่างหวุดหวิด ที่ต้องเสียบุตรสาวคือ ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 8 ขวบ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พล.ท.ไพศาล แม่ทัพภาค 4 และพนักงานสอบสวน ว่า ในช่วงเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 6 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย. 3 คัน เป็นพาหนะ โดยคันแรกมาจอดที่หน้าบ้านตน คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม.16 ยิงถล่มเข้าไปในบ้านที่ได้มีการแง้มประตูไว้ ซึ่งตนนั่งอยู่ข้างลูกสาว ส่วนนายแดง รวมทั้งนายภาคีไนย และนายเชาว์ สามีนั่งอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังนั่งดูทีวี ทำให้นายแดงและลูกสาวตนถูกกระสุนปืนของคนร้ายเสียชีวิต ส่วนนายภาคีไนยและนายเชาว์ สามี ได้รับบาดเจ็บ ส่วนตนรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด


ซึ่งต่อมา คนร้ายชุดที่ 2 ได้มาจอดรถอยู่หน้าบ้านเลขที่ 1/ 4 ซึ่งติดอยู่กับบ้านตน ในขณะเกิดเหตุนายดำ จันทร์คง ได้วิ่งออกมาจากบ้านพบคนร้ายๆ ที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม.18 ยิงใส่ร่างนายดำ จำนวนหลายนัด ถูกที่ซีโครงซ้ายและแขนซ้ายจนหักและเสียชีวิตคาที ส่วนคนร้ายชุดที่ 3 ได้ไปจอดหน้าบ้านเลขที่ 1/6 ซึ่งเป็นบ้านของนายจบ ชันสิทธิ์ หลังที่ 3 ที่คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ยิงถล่มใส่เข้าไปในบ้านถูกที่เสาบ้านด้านซ้ายมือและขวามือ รวม 2 นัด โดยที่นายจบ และสมาชิกในครอบครัวไม่อยู่บ้าน ซึ่งได้เดินทางไปร่วมงานบุญนอกพื้นที่ หลังจากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป โดยมุ่งหน้าที่ไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่ อ.สุไหงโก-ลก

เมื่อเสียงปืนสงบลงนางเฉลิมศรี ตั้งสติได้จึงได้ขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง ราย ส่งรักษาที่โรงพยาบาลตากใบ แต่นายแดง ด.ญ.สสิตา บุตรสาวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายดำ เมื่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุจึงได้ช่วยกันนำร่างนายดำ ส่งโรงพยาบาลตากใบ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพดังกล่าว


และจากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ จุดที่ 1 เลขที่ 1/3 ซึ่งเป็นบ้านของนางเฉลิมศรี พบร่องรอยของกระสุนปืนที่บริเวณฝาผนังปูนด้านขวามือ 2 จุด และกระสุนทะลุประจูไม้เข้าไปถูกชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย โยเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนที่บริเวณแคร์ไม่ไผ่หน้าบ้าน จำนวน 10 นัด ส่วนจุดที่ 2 หน้าบ้านเลขที่ 1/4 ซึ่งเป็นบ้านของนายดำ ที่นอนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 8 ปลอก ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งเป็นหน้าบ้านพักเลขที่ 1/6 บ้านของนายจบ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ จำนวน 9 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ซึ่งต่อมา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางไปยังวัดสิทธิสารประดิษฐ์ หรือ วัดโคกยาง เพื่อพบปะเครือญาติและชาวบ้านที่มาช่วยเหลือเตรียมจัดพิธีงานศพ นายแดง ตุนาสุข และได้เดินทางไปยังวัดโคกม่วง เพื่อพบปะเครือญาติและชาวบ้านที่มาช่วยเหลืองานศพ ด.ญ.สสิตา จันทร์คง และนายดำ จันทร์คง ที่ทั้ง 2 คน เป็นเครือญาติกัน ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น และได้มอบเงินจำนวนหนึ่งช่วยเหลืองานศพของทั้ง 3 ราย
ก่อนเดินทางกลับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุในพื้นที่ เมื่อ 18 เม.ย.68 ผมได้กำชับหน่วยในมาตรการการป้องกัน ก็ห่วงว่าการก่อเหตุของทางขบวนการต่อผู้นำศาสนา ก็บิดเบือนว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐจากการตรวจสอบขบวนการอยู่เบื้องหลัง ที่นำไปสู่การก่อเหตุต่อพี่น้องไทยพุทธต่างๆตอบโต้ไปสู่เป้าหมาย จึงได้ย้ำในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย ในชุมชนต่างๆเจ้าหน้าที่ทั้งหมดงดลา เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เน้นย้ำในเรื่องการนำเอาผู้นำท้องที่ต่างๆ ชรบ.มาร่วมกันรักษาความปลอดภัย กำชับหน่วยในเรื่องของมาตรการการเดินทางต่างๆของไทยพุทธและมุสลิม กิจกรรมที่ล่อแหลมต่างๆก็ยังเกิดช่องว่าง ที่ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์วานนี้ที่จะแนะและตากใบ
“ มาตรการที่เพิ่มเติมก็คือว่า ก็ให้ทางนายอำเภอฝ่ายปกครอง ร่วมกับตำรวจทหาร ในแต่ละพื้นที่ชุมชนไหนที่ล่อแหลมอยู่ การใช้ชีวิตประจำวันให้การคุ้มครองมากขึ้น แต่ละคนต้องทำอะไรบ้างคือทำอะไรต้องมีมาตราการรักษาความปลอดภัย ช่องว่างที่ฝ่ายตรงกันข้ามจะก่อเหตุช่วงละหมาดตอนค่ำต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายตรงกันข้ามก่อเหตุ คือที่ก่อเหตุ สภ.โคกเคียนเมื่อวันที่ 20 เม.ย. หรือ เหตุการณ์ยิงชาวบ้านที่ อ.แว้ง และเมื่อวานเช่นเดียวกันที่ก่อเหตุ คือ ช่วงเวลาที่ ชรบ.ไปละหมาด ก็อาจจะมีการปรับแบ่งในภารกิจ ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็อยู่ในมาตรการ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม ต้องดูว่างกำลังไหนไม่พอเพียง อาจมีการพิจารณาส่วนอื่นมาดูแลส่วนที่ล่อแหลมเป็นการเพิ่มเติม “ พล.ท.ไพศาล กล่าว

นูอารีซ๊ะ ยะยือริ  รายงาน