เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธร ภาค8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ร่วมกันจับกุมตัว นายสมภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาว ม.2 ต.ตากแดด อ.เมืองจ.พังงา และนายสรเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว ม.5 ต.ป่ากอ อ.เมืองพังงา จ.พังงา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนกว่า 40,000 เม็ด การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผลจากเมื่อช่วง ต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 8 ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมกลางยาไอซ์ จำนวน 2 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด ในพื้นที่ สภ.ปะทิว จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด พบว่ากลุ่มผู้ค้ามีการใช้ช่องทางขนส่งพัสดุเอกชน เพื่ออำพรางการส่งยาเสพติด และมีการส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดพังงาเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันวางแผนและติดตามเครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
จนกระทั่งวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบกล่องพัสดุต้องสงสัยที่มีชื่อผู้รับเป็น “ออม” บ้านเลขที่36/1 ม.2 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นชื่อปลอม และที่อยู่ก็แอบอ้างใช้ที่อยู่ของวัดในหมู่บ้าน แต่จากการสืบสวนทราบว่าบุคคลที่เป็นผู้รับพัสดุนั้น คือ นายสรเชษฐ์ ชาวตำบลป่ากอ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุม ในเวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่พบว่านายสมภพ หรือโต้ง เดินมาหยิบกล่องพัสดุบริเวณจุดนัดรับ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ตรวจสอบภายในกล่องพัสดุมีลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อ Kbroad เมื่อแกะดูภายในพบว่ายัดยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด นายสมภพให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายสรเชษฐ์ หรือ “ไข่ดำ” ให้มารับของดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปยังบ้านพักของนายสรเชษฐ์ และสามารถจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้าน ก่อนควบคุมตัวทั้งสองไปสอบสวนขยายผลที่ กก.สส.ภ.จว.พังงา ภายหลังการซักถาม เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มประชาชน”
ขณะที่ วันเดียวกันนี้ตำรวจสืบสวน ภาค 8ร่วมกับ สภ.เกาะยาว จับพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่บนเกาะยาวใหญ่ ชื่อ นายนัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาว ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) รวมทั้งหมดจำนวน 34,000 เม็ด (โดยประมาณ) ซึ่งยัดใส่มาในลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อ Kbroad ส่งผ่านขนส่งเอกชนเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นเดียวกัน เบื้องต้นพบว่าต้นทางมาจาก กทม.