ผู้ว่ามุกดาหารสั่งเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ และเตรียมรับมือพายุดีเปรสชัน 19–24 ก.ค. 68
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่าในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน ฝนตกหนักถึงหนักมากโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดทางภาคเหนืออีสานและภาคใต้ (เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม อุทัยธานี กาญจนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา)ขอให้ประชาชน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นทีลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
สำหรับ วันนี้( 17 กรกฎาคม 2568 )จังหวัดมุกดาหารรายงานระดับน้ำ เมื่อเวลา 07.00 น. ระดับน้ำ แม่น้ำโขงที่สถานีแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร ระดับน้ำ 8.89 ม.เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน ตอนเช้า 0.14 ม. ต่ำกว่าระดับวิฤต 3.61 ม.ระดับวิกฤต12.50 (ระดับวิกฤต12.50 ม) ปริมาณน้ำฝน 8.3 มม.
นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ยังสั่งการให้คณะทำงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุดีเปรสชันซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดในช่วงวันที่ 19–22 กรกฎาคม 2568
นอกจากนี้จังหวัดมุกดาหาร ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มฝนตกหนักถึงหนักมากจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงลุ่มต่ำ และบริเวณเชิงเขา
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินเตรียมมาตรการรับมือ ดังนี้
1. ให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจัดทำชุดข้อมูลแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องผ่านทุกช่องทาง เพื่อให้สามารถเตรียมตัวรับสถานการณ์ได้ทันท่วงที
2. เทศบาลเมืองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเตรียมกระสอบทรายไว้แจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
3. สำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหารได้รับมอบหมายให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ แจ้งเตือนเกษตรกร และตรวจสอบการขึ้นทะเบียนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมการช่วยเหลือหากได้รับผลกระทบ
4. แขวงทางหลวงและทางหลวงชนบทสำรวจเส้นทางเสี่ยงน้ำท่วม พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรกล ป้ายเตือน และแนวทางเลี่ยงในกรณีที่เส้นทางถูกตัดขาด
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานทุกภาคส่วนอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด และติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบเป็นระยะ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที.