Reporter&Thai Army ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเชียงใหม่ ข่าวเด่น นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน

ถอดบทเรียนไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ

ถอดบทเรียนไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จัดการประชุมสรุปผลปฏิบัติการไฟป่า-ฝุ่นควัน 17 จังหวัดภาคเหนือ พบสถานการณ์ดีขึ้น จุดความร้อนลดลง คุณภาพอากาศดีขึ้น

วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น.พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติงานการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ หรือ After Action Review (AAR) ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าจัดขึ้นเพื่อรวบรวมบทเรียนจากการปฏิบัติงานจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดฤดูกาลเกิดเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการบูรณาการแผนงานและทรัพยากร ทำให้ภาพรวมสถานการณ์ในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ ผลการดำเนินงานพบว่า จุดความร้อนในพื้นที่ลดลงร้อยละ 28.61 คุณภาพอากาศดีขึ้นร้อยละ 18.58 และจำนวนวันที่ค่าฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานลดลงร้อยละ 7.64 ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของทุกหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าได้จัดทำ
แบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ของชุดรณรงค์สร้างการรับรู้ลาดตระเวน และ ดับไฟป่า ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีการสำรวจจากหน่วยงานบูรณาร่วม และประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 2,171 คน พบว่าด้านกระบวนการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับ ร้อยละ 95.07 ด้านเจ้าหน้าที่ / กำลังพล อยู่ในระดับ ร้อยละ 96.05 ความเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับ ร้อยละ 95.39 ความพึงพอใจ อยู่ในระดับ ร้อยละ 95.95

ที่สำคัญในปีนี้ยังมีเจ้าหน้าที่บางรายที่ได้รับอันตรายขณะปฏิบัติงานดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จึงเตรียมนำบทเรียนที่ได้ไปพัฒนามาตรการความปลอดภัยให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียในอนาคต และเตรียมความพร้อมรับมือฤดูไฟป่าครั้งต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น