ตร.ท่องเที่ยว จับหญิงตกงานลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สารภาพยอดขายต่อเดือนกว่า 2แสนบาท
ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามอย่างเข้มงวด
โดยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผกก.2 บก.ทท.2 , พ.ต.ท.อวิรุทธ์ สุขแย้ม สารวัตรสืบสวน พร้อมชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.2 ได้เข้าจับกุม น.ส.เอฟ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ภายในหอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า 50 ชิ้น และอุปกรณ์จัดเตรียมสำหรับจำหน่าย รวมกว่า 100 รายการ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊กอย่างเปิดเผย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามพฤติกรรม ก่อนจะเข้าตรวจค้นและพบของกลางซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพัก จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดิมเคยทำงานเป็นผู้ช่วยด้านความงามในคลินิกแห่งหนึ่ง แต่เมื่อประสบปัญหาตกงานและไม่มีรายได้ จึงเริ่มหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าและสั่งซื้อมาจากเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊กในราคาชิ้นละ 300 บาท จากนั้นจึงเริ่มนำมาจำหน่ายต่อ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายกวาดล้างอย่างเข้มงวด ทำให้ราคาบุหรี่ไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นถึงชิ้นละ 600 บาท ส่งผลให้ได้กำไรสูงและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยผู้ต้องหาระบุว่าสามารถจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้มากกว่า 20 ชิ้นต่อวัน และมีรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 200,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง แจ้งข้อกล่าวหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งนี้จะได้ขยายผลไปยังเครือข่ายลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในแหล่งท่องเที่ยวต่อไป.