จากกรณีที่มีชาวกัมพูชา กว่า 100 คน ตกค้างในฝั่งประเทศไทย บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ชายแดนไทย-กัมพูชา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ลุกฮือประท้วงเรียกร้องขอรัฐบาล “ฮุน มาเนต” เห็นใจเปิดด่านรับชาวบ้านกลับภูมิลำเนา หลังทางฝั่งกัมพูชา ประกาศปิดด่าน คือ ด่านจวม ในอำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย (ตรงข้ามด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ที่ตกค้างทั้งหมดเป็นผู้ป่วยและครอบครัวที่เดินทางเข้า-ออกโดยพาสปอร์ต และบอเดอร์พาส มายังฝั่งไทย เป็นการเข้าออกโดยถูกกฎหมาย เพื่อขอรับบริการด้านสุขภาพของโรงพยาบาลในประเทศไทย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. นายบัญชา จันทร์ณรงค์ นายอำเภอภูสิงห์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทางฝั่งกัมพูชา ได้ยอมเปิดประตูด่านจวม ในอำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย เพื่อรับประชาชนชาวกัมพูชากลับประเทศ โดยมีชาวกัมพูชา จำนวนกว่า 100 คน รีบเร่งเดินทางกลับภูมิลำเนากันอย่างโกลาหล เพราะเกรงว่าอาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้กับทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ผ่านด่านอีก จำนวนประมาณ 10 คัน โดยทางการไทย ได้ใช้มาตรการเพื่อมนุษยธรรม จึงไม่ได้มีการสกัดกั้นการเข้ามาขอรับการรักษาด้านสุขภาพแต่อย่างได แต่การเข้าออกให้เป็นไปตามประกาศของกองทัพภาคที่ 2 ตามคำสั่งที่ 163/68 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เรื่องการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี
ทั้งนี้ ทางกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาตรการควบคุมคุมจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า ในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน และเป็นไปตามสถานการณ์ จึงมีคำสั่งให้ปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ รายงาน
