17 กรกฎาคม 2568 ที่ อำเภอปนนาเระ จังหวัดปัตตานี โดยการนำของ นายมนต์ชัย หนูสาย นายอำเภอปะนาเระ ปลัดอำเภอ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่อำเภอปะนาเระ ร่วมกันขับเคลื่อนปฏิบัติการ 120 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้พืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยถนนเส้น 42 ปัตตานี – นราธิวาส ที่จากแต่ก่อน มีการตั้งแผงริมทาง หรือ นำรถเปิดท้ายขายน้ำและใบกระท่อม ในปัจจุบันในพื้นที่อำเภอปะนาเระไม่มีให้เห็นแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ทุกฝ่ายร่วมกันรณรงค์และต่อต้านไม่ให้จำหน่ายน้ำกระท่อมในพื้นที่ ที่อาจทำร้ายสุขภาพของเยาวชนและความสงบสุขของชุมชน โดยทางเจ้าหน้าที่อำเภอปะนาเระ ร่วมกับเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงได้ปักป้ายในพื้นที่ ม.5 ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แสดงข้อความ “ พวกเราไม่เอาน้ำกระท่อม ห้ามจำหน่วยน้ำกระท่อมในพื้นที่โดยเด็ดขาด ”
โดยปัจจุบันพื้นที่อำเภอปะนาเระแทบไม่มีการขายใบกระท่อม – น้ำกระท่อมให้เห็นแล้ว แต่อาจยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังมีการดื่มน้ำท่อมอยู่ ซึ่งทางอำเภอก็มีนโยบายที่เข้าไปในชุมชนเพื่อให้ความรู้และชี้โทษและผลเสียของการดื่มน้ำกระท่อมให้ชาวบ้านและเยาวชนได้รับทราบอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีการช่วยเหลือผู้ที่อยากจะเลิกน้ำกระท่อมเพื่อกลับคืนสู่สังคมอีกด้วย
นายมนต์ชัย หนูสาย นายอำเภอปะนาเระ เปิดเผยว่า พื้นที่ในอำเภอปะนาเระไม่มีการปลูกกระท่อม และขายน้ำกระท่อมแล้ว ส่วนเส้นถนน 42 ตลาดปาลัส ที่เคยมีคนนอกพื้นที่มาขาย ทางเราก็ได้ใช้มาตรการทางสังคม ร่วมกับทางอิหม่าม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กำลัง 3 ฝ่ายไปคุยและย้ายออกไปแล้ว โดยปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีคนขายแล้ว แต่อาจยังมีคนที่เสพน้ำกระท่อมอยู่ในจำนวนที่น้อย ส่วนการป้องกันทางอำเภอได้แยกออกเป็น 3 ระดับคือ 1.ให้ความรู้โดยให้ทางสาธารณสุขในพื้นที่ และเครือข่ายโรงเรียนทุกโรงเรียน เพื่อบอกโทษและผลเสียของการใช้น้ำกระท่อม ส่วนคนที่ยุ่งเกี่ยว ก็ใช้มาตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อดึงเขาออกมาจากตรงนั้น 2.คือการบำบัดรักษาผู้ที่เสพน้ำกระท่อม ตอนนี้ได้ผลเป็นอย่างมาก เพราะคนที่เสพลดลงเพราะได้รับการบำบัดรักษา 3.คือกลุ่มป้องกัน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ปัจจุบันไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องน้ำกระท่อม
ทางด้าน นายอัซมาน เจะหมะ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลควน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อก่อนเคยได้ให้คนที่ขายน้ำกระท่อมในพื้นที่ให้ไปขายที่อื่นแล้ว แต่ยังมีการกลับมาขายอีกรอบ ทางเจ้าหน้าที่ อบต.ควน ร่วมกับกำลัง 3 ฝ่าย และผู้นำชุมชน จึงเข้าไปพูดอีกครั้ง และหลังจากนั้นก็ไม่กลับมาขายอีกเลย โดยเสียงจากชาวบ้านทั้งในชุมชนและตลาดบอกว่าดีมาก เพราะไม่อยากให้ลูกหลานไปยุ่งเกี่ยวสิ่งเสพติดแบบนี้ และลดการใช้น้ำกระท่อมในพื้นที่ด้วย ตนมองว่าใบกระท่อมหากใช้ปริมาณที่เป็นยารักษาเมื่อคนเก่าแก่แบบนั้นได้ แต่ตอนนี้วัยรุ่นนำมาต้มน้ำกระท่อมแล้วดื่มในปริมาณมากๆ จนตนเคยเห็นข่าวที่คนมีอาการรุนแรงจากการดื่มน้ำท่อม เลยไม่อยากให้เยาวชนในพื้นที่เป็นแบบนั้น จึงขอให้เยาวชนในพื้นที่หยุดดื่มน้ำกระท่อมจะดีกว่า
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน
