Reporter&Thai Army

แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3 พราชาในดวงใจ รวมพลังแห่งความจงรักภักดี เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 9

แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3 พราชาในดวงใจ รวมพลังแห่งความจงรักภักดี เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 9

 

กองทัพภาคที่ 3 จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3 จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และเพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ความเป็นมาเกี่ยวกับโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3

พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติการดำเนินงานตามโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ ๓ ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพิษณุโลก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561

 

กองทัพภาคที่ 3 จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติการดำเนินงานตามโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3 เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและเชิดชูสดุดีพระเกียรติคุณเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 1 – 7 ธันวาคม 2561 ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

เมื่อปีพุทธศักราช 2553 กองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขึ้น ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อจัดทำเป็นศูนย์สาธิตในการน้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในชีวิตประจำวันของกำลังพล

 

และครอบครัว

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีได้ให้แนวพระราชดำริ ในการส่งเสริมทำเกษตรอินทรีย์ในหน่วยทหาร เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้แก่กำลังพลและประชาชนที่สนใจ กองทัพภาคที่ 3 จึงได้ดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริโดยใช้ชื่อว่าโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ (เกษตรอินทรีย์) กองทัพภาคที่ 3 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้ดำเนินการในพื้นที่ค่ายทหารทั้งหมด 17 จังหวัดภาคเหนือ อาทิ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช , ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ , ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย , ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง และกองพลทหารราบที่ 7 เป็นต้น

 

ในส่วนพื้นที่ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ แห่งนี้มีพื้นที่รวม 6,625 ไร่ ได้จัดทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 2,135 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่เลี้ยงแพะพระราชทาน พันธุ์แบล็คเบงกอล จำนวน 16 ไร่เศษ ซึ่งเป็นแพะที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานมาให้ จำนวน 50 ตัว เป็นตัวผู้ จำนวน 30 ตัว ตัวเมียจำนวน 20 ตัว โดยมี กองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ร่วมกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยร่วมดำเนินการ พื้นที่ปลูกหญ้าเพื่อเป็นอาหารสัตว์ทุกชนิด จำนวน 26 ไร่ โดยทำการปลูกหญ้าแพงโกล่า จำนวน 13 ไร่ และปลูกหญ้าเนเปียร์ จำนวน 13 ไร่ โดยมีกองพันทหารขนส่งที่ 23 เป็นหน่วยดำเนินการ

โครงการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทาน ได้ดำเนินการในพื้นที่ 53 ไร่เศษ โดยความร่วมมือระหว่าง กองทัพภาคที่ 3 กับ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดเชียงรายและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก เพื่อเป็นศูนย์ขยายการเพาะเมล็ดพันธุ์ โดยมี กองพันซ่อมบำรุงที่ 23 เป็นหน่วยดำเนินการ

 

โครงการทหารพันธุ์ดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทานโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ทหารกองประจำการได้ศึกษา เรียนรู้การเกษตร อินทรีย์ และการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์ สามารถนำเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากโครงการฯ ไปส่งเสริมการประกอบอาชีพ และนำไปพัฒนาขยายผลในภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อให้ชุมชนอยู่บนพื้นฐานความพอเพียง อีกทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ กับทหารกองประจำการ เมื่อปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน โครงการนาอินทรีย์ จำนวน 275 ไร่ ในพื้นที่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 จำนวน 60 ไร่, กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 23 จำนวน 65 ไร่, กองพันทหารม้าที่ 9 จำนวน 150 ไร่ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับนำไปพระราชทานให้กับเกษตรกรชาวนาผู้มีความประสงค์จะทำนาอินทรีย์ในฤดูกาลทำนาต่อไป ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาได้ทำนาปรัง ปลูกข้าวปทุมธานี 1 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 60 ไร่ และเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2560 ได้ข้าววเปลือก จำนวน 20 ตันเศษ โครงการเกษตรปราณีต ในพื้นที่ 1.5 ไร่ (ภาพพื้นที่เกษตรประณีตทั้ง 4 แห่ง) มีจำนวน 4 แห่ง โดยคัดเลือกจากกำลังพลและครอบครัวที่มีความสนใจเข้ามาดำเนินการครอบครัวละ 1 แห่ง

 

ในพื้นที่ของ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ,กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 23, กองพันทหารม้าที่ 9 และกองพันทหารสื่อสารที่ 23, เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีเกษตรผสมผสาน แบบปราณีต โดยการใช้ห้วง เวลาก่อนและหลัง เวลาราชการ วันละ 4 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 05.30 – 07.30 น. และ 16.30 – 18.30 น. มาทำการเกษตร โดยตั้งเป้าหมายว่าสามารถเพิ่มรายได้ เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ราย 3 เดือน และราย 6 เดือน ได้เป็นจำนวนเงินประมาณ 100,000 บาทต่อปี