ข่าวรัฐสภา

วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “ต้นแบบการแก้จนด้วยนโยบายควบคุมการคอร์รัปชันของรัฐบาล สี จิ้นผิง”

กมธ.แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “ต้นแบบการแก้จนด้วยนโยบายควบคุมการคอร์รัปชันของรัฐบาล สี จิ้นผิง” เพื่อแก้ปัญหาการคอร์รัปชันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในประเทศไทย

.
วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402-403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา)
คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “ต้นแบบการแก้จนด้วยนโยบายควบคุมการคอร์รัปชันของรัฐบาล สี จิ้นผิง” โดยมี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด นายปานเทพ กล้านรงค์ราญ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน เข้าร่วม
.
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวตอนหนึ่งว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาความยากจนของประเทศไทย ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยและหลายเงื่อนไข โดยการทุจริตคอร์รัปชันในปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบจนมีความสลับซับช้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบของอำนาจทั้งในทางการเมืองและในระบบราชการ เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น และกลุ่มทุนเอกชน รวมถึงเกี่ยวข้องกับระบบการฟอกเงิน ทั้งในระบบเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศและเศรษฐกิจการเงินในระดับนานาชาติอีกด้วย ถึงแม้ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการคอร์รัปชันของประเทศตะวันตกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะควบคุมได้ และขณะนี้รัฐบาลจีนภายใต้การดำเนินนโยบายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยนโยบายควบคุมการคอร์รัปชันและประสบความสำเร็จแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากประสบการณ์ของประเทศจีนในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าแก่ประเทศต่าง ๆ และประชาชนที่ไม่ยอมรับการคอร์รัปชันทั่วโลก จึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่ไทยจะได้เรียนรู้และศึกษาทำความเข้าใจให้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

.
ในโอกาสนี้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายควบคุมการคอร์รัปชันของรัฐบาล สี จิ้นผิง” ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2021 จีนได้จัดการประชุมสรุปและเชิดชูบุคคลและหน่วยงานที่เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาความยากจนระดับชาติ โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ด้วยความพยายามร่วมกันของทางพรรคและประชาชนทุกกลุ่ม ประเทศจีนได้รับชัยชนะอย่างรอบด้านในการต่อสู้กับความยากจน ซึ่งทำให้คนยากจนในชนบทกว่า 98.9 ล้านคน หลุดพ้นจากความยากจน ซึ่งเป็นการบรรลุภารกิจที่ยากลำบากในการขจัดความยากจนตามมาตรฐานความยากจนระหว่างประเทศของประชากรโลก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของประชากรที่หลุดพ้นจากความยากจนทั่วโลก และในช่วงเวลาเดียวกันประเทศจีนได้บรรลุเป้าหมายการแก้ไขปัญหาความยากจนตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติปี 2030 ก่อนกำหนดเวลา 10 ปี และมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจนของโลก ซึ่งความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจนของประเทศจีน ต้องอาศัยความพยายามและการสนับสนุนจากทุกฝ่าย และถือว่าเป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ภารกิจประสบความสำเร็จ โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยได้กล่าวไว้ว่า เราต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของการกำกับดูแลพรรคที่รอบด้านและเข้มงวดในทุกขั้นตอนของกระบวนการแก้ปัญหาความยากจน โดยดำเนินการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและประมวลผลที่เข้มงวดที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าการกระบวนการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นไปอย่างมั่นคงจนทำให้ความสำเร็จในด้านการแก้จนมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง และการพิสูจน์ด้วยภาคปฏิบัติและประวัติศาสตร์ได้
.
ทั้งนี้ ก่อนการเริ่มการสัมมนา ผู้เข้าร่วมได้มีการยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที ให้กับผู้เสียชีวิตชาวจีนจากเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
.
สำหรับภายในการสัมมนามีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อที่จะได้ทราบและเรียนรู้ถึงบทเรียน และประสบการณ์ต่าง ๆ จากสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การดำเนินนโยบายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยนโยบายควบคุมการคอร์รัปชันอย่างได้ผลดีมาแล้ว โดยสามารถแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม โดยจะได้นำมาเป็นแบบอย่างที่สามารถเรียนรู้ถึงกระบวนการดำเนินการ และสามารถนำรูปแบบมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับกฎหมาย วัฒนธรรม และรูปแบบการปกครองของประเทศไทยต่อไป

ภาพ/ข่าว ฤทธิรณ ปัญญากาบ ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน