เห็นด้วยคลายล๊อก!“ไทยศรีวิไลย์” เห็นด้วย บิ๊กตู่ คลายล๊อกพรรคการเมือง เตรียมลุยพื้นที่ 6 หัวเมืองใหญ่ จัดตั้งสาขาพรรคตามกฎหมาย พร้อมทำไพรมารีโหวต ถ้ากฎหมายไม่แก้
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ดำเนินการไปจดทะเบียนพรรคการเมืองกับ กกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับใบรับคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง แบบ พก.7/7 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง กกต.ก็น่าจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่เกิน 60 วัน ก็น่าจะแล้วเสร็จ นั้น อีกทั้งตนทราบมาว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช) เตรียมจะแก้ไขคำสั่ง 53/2560 เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทางธุรการบางส่วนให้ปฏิบิติได้ง่ายขึ้นแต่ยังไม่ปลดล๊อก หรือ จะเรียกว่าคลายล๊อกบางส่วนก็ว่าได้ ซึ่งทางผมเองก็เห็นด้วยที่จะมีการคลายล๊อกหรือปลดล๊อกพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบางส่วนได้ ทาง ว่าที่ พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ได้ปรึกษาหารือเป็นการภายในว่าหลังจากคลายล๊อกแล้ว ก็จะดำเนินการลงพื้นที่ 6 หัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุบลราชธานี นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร นครศรีธรรมราช เพื่อพูดคุยรับปัญหา หาแนวร่วม กับ แกนนำผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกพรรค ผู้สมัคร สส แบบแบ่งเขต-บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะมาเป็นกรรมการสาขาพรรค พร้อมกรรมการสรรหา อีกทั้งเตรียมการจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ 4 สาขา และ เตรียมการจัดทำไพรมารี่โหวต ตามกฏหมายเดิมกำหนด(ถ้าไม่มีการแก้ไข)
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ทาง พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็มีแนวนโยบายเหมือนเดิมมั่นคง คือ 3ป 1.ปรามปราบ(ปราบโกง ยึดทรัพย์คนโกงมาใช้หนี้สาธารณะและมาทำสวัสดิการประชาชน) 2.เปลี่ยนแปลง(ปฏิรูประบบราชการให้เป็นที่พึ่งของประชาชน) 3.ปกป้อง(ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ปกป้องไม่ให้ข้าราชการ-คนรวย รังแกคนจน กฏหมายต้องเท่าเทียมกัน) พรรคก็ได้เตรียมตั้งคณะกรรมการเบื้องต้นไว้ 4 ชุด อาทิ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ คณะกรรมการด้านนโยบาย คณะกรรมการด้านการรณรงค์หาเสียง คณะกรรมการจริยธรรมนักการเมือง ฯ
ณ ตอนนี้ก็มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาช่วยพรรคหลายด้าน แต่ทางเราก็พร้อมรับอาสาบุคลากรในทุกสาขาอาชีพมาช่วยกันนำความรู้มาร่วมกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาประเทศและต่อยอดการดำเนินการของรัฐบาลเก่าที่เป็นประโยชน์ต่อไป
ภาพจากสำนักข่าวไทย
