เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา กองกำลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ที่ 182 บ้านหาดเล็ก ออกลาดตระเวนแนวเขาบรรทัด พบขบวนการลักลอบขนบุหรี่หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลำเลียงตามเส้นทางเขาบรรทัดตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อเข้าจับกุมคนร้ายจำนวน 10 คน แต่สามารถอาศัยความมืดและชํานาญเส้นทางหลบหนีข้ามไปยังประเทศกัมพูชาได้ จึงได้ยึดของกลางเป็นบุหรี่รวมทั้งหมด 25,290 ซอง จึงได้ยึดไว้เป็นของกลางนำมายังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 เพื่อรอการแถลงข่าวช่วงบ่ายของวันนี้ 12 ธันวาคม 2566
โดย นาวาเอกนฤมิต ศุขสมิติ ผบ.ฉก.นย.ตราด ได้รับมอบหมายจาก พลเรือโท สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ให้มาแถลงข่าวการจับกุมบุหรี่หนีภาษี หลังทำการจับกุมได้เมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยนายพีระ เอี่ยมสุนทร ปลัดจังหวัดตราด เดินทางไปร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย พร้อมนายสุชิน พุ่มพวง สรรพสามมิตพื้นที่ตราด นายเชิดศักดิ์ ซุ่มนาเสียว นายอําเภอคลองใหญ่ ร่วมกับ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 นาวาเอกนฤมิต ศุขสมิติ ผบ.ฉก.นย.ตราดเปิดเผยว่าการจับกุมบุหรี่หนีภาษีรายนี้ เนื่องจากการบูรณาการของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานประกอบด้วย กองทัพเรือโดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด โดย ฉก.นย.ตราด มชด./1 ฉก.นย.182 หน่วยงานปกครองโดยอำเภอคลองใหญ่ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดตราด (ศรชล.)กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จ.ตราด สภ.คลองใหญ่ ตำรวจน้ำคลองใหญ่ สรรพสามิตพื้นที่ตราด ด่านศุลกากรคลองใหญ่ และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด จากการลาดตระเวนแนวชายแดนเชิงเขาบรรทัด และพบการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว จึงยึดบุหรี่หนีภาษี มิได้เสียภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ได้จำนวน 50 กล่อง จำนวน 25,290 ซอง
ซึ่งความผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต 2560 ในพื้นที่ชายแดนหาดเล็ก มีการจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมด 4 ครั้ง ในรอบ4 เดือนเศษ ได้ของกลางทั้งสิ้น 203 กล่อง จำนวน 101,500 ซองด้วยกัน
โดยครั้งนี้ ผู้ต้องหาเป็นชาวกัมพูชาจำนวน 10 คน หลังพบเจ้าหน้าที่ ทิ้งของกลางไว้และหลบหนีข้ามแดนไปฝั่งกัมพูชา ที่ ม.2 ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ ครั้งล่าสุดคนร้ายขนบุหรี่หนีภาษีมาทางเรือผ่านน่านน้ำชายแดนไทยเข้ามา แต่ครั้งนี้เพื่อหลบเจ้าหน้าที่ ด้วยการขนทางช่องทางธรรมชาติ ข้ามเขาบรรทัดเข้ามาในชายแดนไทยดังกล่าวความเสียหายในครั้งนี้คิดเป็นเงินค่าปรับกว่า 10 ล้านบาท
ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด
