Reporter&Thai Army นิตยสารตำรวจ สถานีประชาชน แถลงข่าว

แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมหน่วยงานภาครัฐ แถลงข่าวการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ โชว์กวาดล้างยาเสพติด – ยาบ้ากว่า 114 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,493.37 กก. เฮโรอีน 140.30 กก.

แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมหน่วยงานภาครัฐ แถลงข่าวการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ โชว์กวาดล้างยาเสพติด – ยาบ้ากว่า 114 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,493.37 กก. เฮโรอีน 140.30 กก.

//////////////////////////////////////////////////
กองทัพภาคที่ 3 จัดแถลงข่าวการบูรณาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ
พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการแถลงข่าว “การบูรณาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ” โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายวาทิน ดำรงเลาหพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน การป้องกันและการปราบปรามยาเสพติด ภาค 5, นาย วัฒนา เกิดผล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 6, พันเอก สุวิทย์ วังยาว รองผู้บัญชาการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงราย, นายพรชัยพรสวรรค์ หัวหน้างานยาเสพติดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เขตสุขภาพที่ 1, นายสมคิด ปริมิตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย, นายวัลลภ ไม้จำปา รองผู้อำนวยการศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย, พลตำรวจตรี ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, พลตำรวจตรี ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 6, พลตรี สายัณห์ เมืองศรี ผู้บัญชาการศูนย์ข่าวยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3, พลตรี บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ, พลตรี อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร, พลตรี วิชิต วงศ์สังข์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, พันตำรวจเอก อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผู้กำกับการ 2 กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมแถลงข่าวด้วย ณ สโมสรค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2561

 

 

ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีนโยบายให้หน่วยบูรณาการการปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ นั้น ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ภายใน 3 เดือน
กองทัพภาคที่ 3 จึงได้มีการวางแผนกำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นยาเสพติด ตั้งแต่แนวชายแดนถึงพื้นที่ตอนใน และได้มีการจัดการประชุม Workshop เพื่อบูรณาการกำลังและเครื่องมือเฝ้าตรวจ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตลอดจนนำผลการประชุม Workshop มาดำเนินการ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3/กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดการประชุมแถลงแผนบูรณาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันยึดถือปฏิบัติตามแนวทางให้เกิดประสิทธิผล และสามารถประสานการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในการนี้ กองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัดการแถลงข่าว “การบูรณาการสกัดกั้นและปราบปราม ยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ” ขึ้น เพื่อสรุปผลการบูรณาการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ของ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3/กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 3 ในห้วง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม – 20 ธันวาคม 2561 มีรายละเอียดดังนี้ พื้นที่ชายแดน ยาบ้า 29,593,069 ล้านเม็ดไอซ์ 607.50 กิโลกรัม

เฮโรอีน 71.27 กิโลกรัม
พื้นที่ตอนใน ยาบ้า 88,062,694 ล้านเม็ด ไอซ์ 885.87 กิโลกรัม
เฮโรอีน 70.03 กิโลกรัม
รวมผลการปฏิบัติ ยาบ้า 113,655,762 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,493.37 กิโลกรัม เฮโรอีน 140.30 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์ของการจับกุมในครั้งนี้ เกิดจาก แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการ
ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนผนึกกำลัง และบูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ และให้หน่วยกำลังป้องกันชายแดนเพิ่มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด ตั้งแต่พื้นที่ตอนในไปจนถึงพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมทั้งการเพิ่มมาตรการเข้มงวด ที่มุ่งเน้นการสกัดกั้น ในลักษณะการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดทางยุทธวิธี โดยวิธีการปรับเปลี่ยนเวลาตามสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามเส้นทางในภูมิประเทศ ซึ่งทาง กองทัพภาคที่ 3 เปิดยุทธการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง 

ตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบก ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สำคัญ ที่ต้องได้รับการป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ และในแต่ละภาคของประเทศไทย นั้น ทุกภาคส่วน ทั้ง ทหาร ตำรวจ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างยั่งยืนและยาวนาน

//////////////////////////////////////////////
แหล่งข่าวจาก – นกยุง กิจการพลเรือนทหารกองทัพภาค 3
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ /////// รายงาน ////////////