Uncategorized

“พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายแรงงานทั่วประเทศกว่า 100,000 คน ใส่เสื้อม่วงแสดงพลังจงรักภักดีถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

“พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายแรงงานทั่วประเทศกว่า 100,000 คน ใส่เสื้อม่วงแสดงพลังจงรักภักดีถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เทิดทูนสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพของชาวไทย

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในกิจกรรมขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน อธิบดีทุกกรม ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเครือข่ายสหภาพแรงงาน องค์กรนายจ้าง ลูกจ้างทั่วประเทศ พร้อมใจกันสวมเสื้อสีม่วงร่วมแสดงพลังจงรักภักดีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ณ ลานพระพุทธสุทธิธรรมบพิตร ด้านหน้าอาคารกระทรวงแรงงาน

โดย นายพิพัฒน์ อ่านแถลงการณ์กระทรวงแรงงาน ประกาศเจตจำนงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ความว่า ข้าพระพุทธเจ้า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เครือข่ายอาสาสมัครแรงงาน และเครือข่ายภาคประชาชน ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ต่างมีความปลื้มปิติที่ได้มาร่วมแสดงความจงรักภักดีในวันนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน การรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศชาติอย่างมั่นคงตลอดไป
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ และทรงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่าง ๆ และได้สืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระกรุณาสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือแรงงาน และแรงงานผู้พิการ เพื่อให้ความรู้ พัฒนาศักยภาพ ทักษะฝีมือแก่ช่างกายอุปกรณ์ และช่างเครื่องช่วยคนพิการได้เพียงพอกับความต้องการ และทรงพระกรุณารับเป็นองค์อุปถัมภ์ในการสงเคราะห์ ช่วยเหลือลูกจ้าง คนงานที่พิการให้ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน รวมถึงพัฒนาทักษะอาชีพให้กับผู้ว่างงาน คนงานที่ต้องการพัฒนาทักษะ จนเป็นที่ประจักษ์


“กระทรวงแรงงานได้น้อมนำพระจริยวัตรของพระองค์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่เดือดร้อนทุกคน นำมาขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงในโอกาสนี้ จึงขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยปวงข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน จักขอเทิดทูนปกป้อง และรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป” นายพิพัฒน์ กล่าวแถลงการณ์

ทั้งนี้ ภายหลังอ่านแถลงการณ์แล้ว นายพิพัฒน์ฯ ยังได้นำผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และเครือข่ายแรงงานทั่วประเทศ โดยร่วมกันกล่าวแสดงความจงรักภักดี “ทรงพระเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง เสียงดังกึกก้องไปทั่วกระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งโบกธงชาติไทยและธงสีม่วงพระนามาภิไธยย่อ “ส.ธ.” เพื่อร่วมกันแสดงพลังถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีคุณูปการนำพาคนไทยสร้างชาติ รักษาเอกราช วัฒนธรรม ความเป็นไทยให้คงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ และได้เชิญชวนนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สหภาพแรงงาน และเครือข่ายแรงงานทั่วประเทศ ได้รวมพลังแสดงความจงรักภักดี ถวายแด่กรมสมเด็จพระเทพฯ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยตลอดไป


“วันนี้เราได้มีการรวมตัวกันของผู้ใช้แรงงานโดยใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานครที่เราได้จัดกิจกรรมการถวายความจงรักภักดีนี้ขึ้นที่กระทรวงแรงงาน ผมมั่นใจว่ากิจกรรมการถวายความจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศไทยมีผู้ออกมาแสดงความจงรักภักดีในนามของกระทรวงแรงงาน ในนามของผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศไทยกว่า 100,000 คน” นายพิพัฒน์ กล่าว