ข่าวรัฐสภา

จังหวัดเชียงใหม่ คณะอนุกรรมการจัดโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชนตามวิถีไทยนิยม ยั่งยืน

วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ณ จังหวัดเชียงใหม่ คณะอนุกรรมการจัดโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชนตามวิถีไทยนิยม ยั่งยืน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน (เขต 12) ประกอบด้วย พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานอนุกรรมการ พลโท อำพน ชูประทุม นายปรีชา บัววิรัติเลิศ และอนุกรรมการ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและพบประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
– เวลา 09.00 – 12.00 นาฬิกา ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและพบประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยประชุมร่วมกับนายอรุณ ศรีใส นายอำเภอดอยหล่อ นางสลีลญา คำภาแก้ว ปลัดอาวุโส และส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อแลกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการไทยนิยม ยั่งยืนสำหรับประเด็นปัญหาและความต้องการของประชาชนที่ต้องการได้รับการแก้ไข อาทิ ถนน ไฟฟ้า น้ำเพื่อการเกษตร น้ำใช้ และการฝึกอาชีพ
– เวลา 13.00 – 16.00 นาฬิกา ประชุมร่วมกับปลัดอาวุโส และส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อแลกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยปลัดอาวุโสอำเภอดอยหล่อ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการไทยนิยม ยั่งยืน
สำหรับประเด็นปัญหาและความต้องการของประชาชนที่ต้องการได้รับการแก้ไข อาทิ ถนน ไฟฟ้า น้ำใช้ การฝึกอบรม และการเลี้ยงสัตว์
โอกาสนี้ คณะอนุกรรมการได้มีข้อเสนอแนะ ดังนี้1.ขอให้คัดแยกปัญหา ปัญหาอะไรที่สามารถดำเนินการเองได้และปัญหาอะไรที่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ขอให้นำเสนอผ่านอำเภอ จังหวัด ทาง สนช.จะช่วยผลักดันในอำนาจหน้าที่ที่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้ง ฝากให้มีการพิจารณาโครงการให้มีความครอบคลุมในเงื่อนไขของโครงการ และขอให้มีการประสานความร่วมมือกันระหว่างอำเภอและส่วนท้องถิ่นในการขับเคลื่อน
2. อนุกรรมการเมื่อได้ลงพื้นที่แล้วจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการโดยจะนำประเด็นปัญหาที่ได้รับมาปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน และจะได้รวบรวมประเด็นปัญหาทั้งหมดที่ได้นำเรียนรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่สอง และจะสะท้อนปัญหานั้นไปยังรัฐบาลเพื่อรับทราบต่อไป
3. หลักการร่วมมือกันระหว่างส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น โดยส่วนกลางมอบนโยบาย มีส่วนภูมิภาค จังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น ที่ทำบริการสาธารณประโยชน์ เช่น อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในส่วนนี้จะมีข้อมูลความต้องการของประชาชนอยู่ ก็ควรจะนำมาเป็นแม่บทระดับอำเภอ ตำบล และนำเสนอขึ้นมาในระดับตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด และถ้าเกินกำลังของจังหวัดก็นำเสนอแผนมายังส่วนกลาง ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนที่นำเสนอจากระดับล่างขึ้นมาสู่ระดับบนและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
4. ต้องมีการประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลให้มีความชัดเจน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
5. โครงการใดที่อยู่อำนาจหน้าที่ของท้องถิ่น ขอให้ท้องถิ่นดำเนินการโดยไม่ต้องรองบประมาณจากส่วนกลาง โดยการใช้เงินสะสมแก้ไขปัญหา เพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว และโครงการใดที่ยังไม่ได้รับงบประมาณสามารถนำไปเป็นแผนในปีงบประมาณต่อไปได้
6. เรื่องเงิน 300,000 บาท ของเกษตรนั้น ต้องให้แนวคิดให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในพื้นที่ เราต้องทำอย่างไร ต้องทำความเข้าใจกับเกษตรกร
7. เรื่องโครงการนวัติวิถี เรื่องท่องเที่ยว เงินในกิจกรรมที่ 5 ที่ต้องหัก 40% ไปเป็นงบประชาสัมพันธ์ของจังหวัดนั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายๆ อำเภอได้นำมาพูดคุย ถือเป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่ต้องนำเรียนส่วนกลางให้ทราบต่อไป
8. ในเรื่องบัตรผู้มีรายได้น้อย ขอให้ผู้มีส่วนเกียวข้อง เช่น ปลัดปกครอง ออมสิน ธอส. จะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงขั้นตอน หลักเกณฑ์ และควรจะศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ด้วย เพื่อจะได้สร้างความเข้าใจ และสามารถตอบคำถามข้อสงสัย อีกทั้งสามารถให้คำแนะนำแก่ประชาชนได้

 

ภาพ/ข่าว กฤษรชฏะชญตว์ กฤษพิพัฒนโภคิน ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน