ข่าวนนทบุรี

นนทบุรี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือกแจงปมเหตุประธานชุมชนทำร้ายร่างกายผู้ช่วย ส.ส. มาจากนำการเมืองมาเข้าวัด

จากกรณีที่นายกิตติภัทร หรือ เบน สุริยจันทร์ อายุ 44 ปี ถูกคู่กรณีคือนายปริญญา หรือ ตู่ เล็กกมล อายุ 46 ปี ประธานชุมชนวัดโพธิ์เผือก พร้อมพวกประมาณ 20 คน ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายจนต้องหนีตายเข้าไปหลบอยู่ในร้านสะดวกซื้อที่หน้าวัดโพธิ์เผือก ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา“ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตราย ” ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น

วันที่ 16 ม.ค.68 ที่วัดโพธิ์เผือก ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พระครูปลัดนนท์ กิตติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก เปิดเผยว่า ประธานชุมชนที่ลงมือนั้น โดยปกติเขาเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา เท่าที่อาตมาสัมผัสได้ ไม่ได้เข้าข้างลูกศิษย์ อาตมาอยู่ที่นี่มา 9 ปีย่างเข้าปีที่ 10 มีอะไรเกี่ยวกับชุมชนช่วยกันประสานงาน ช่วยเหลือคนอื่นเขาทำงานเพื่อส่วนรวม และเป็นคนจริงไม่ได้เป็นนักเลง แต่ใครอย่ามาเบียดเบียนเขา เป็นเราเราก็ไม่ยอมใครมาเบียดเบียนเรา เหมือนกับที่มาเบียดเบียนวัด ซึ่งเป็นอาตมาก็ไม่ยอมเช่นกัน อาตมาเคยพูดบอกไว้ว่า ใครไม่ชอบพระอาจารย์ก็ไม่ต้องเข้าวัดนี้เอาที่เขาสะดวกใจ ซึ่งอาตมาพูดอย่างนี้กับลูกศิษย์ ลูกศิษย์จึงรู้ว่าพระอาจารย์เป็นคนตรง ในวันนั้นมีกลุ่มลูกศิษย์อาตมามาร่วมงานเกือบ 300 คน ลูกศิษย์ใกล้ชิดเขารู้เขาบอกต้องมา มาเพื่อให้อาจารย์มีกำลังใจ พระอาจารย์ก็พูดตอนเปิดว่าใครรักที่พระอาจารย์เป็นแบบนี้ ก็รักกันไปนานๆใครไม่รักเห็นว่าพระอาจารย์ไม่ถูกใจเขาพระอาจารย์ไม่ว่าอะไรก็เชิญวัดอื่นได้

เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก กล่าวอีกว่า คนชุมชนวัดโพธิ์เผือกเป็นคนจริงมาตั้งแต่ไหนแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแก เชื่อว่าประธานชุมชนลูกศิษย์อาตมาถูกรังแกจากภายนอกมาก่อน จนทำให้เขาเก็บเรื่องไว้ในใจเรื่อยมา จนกระทั่งมาเจอกันในงาน แล้วนั่งคุยเพื่อปรับทัศนคติ ปรับความเข้าใจกันแต่อีกฝั่งคงมีกำแพงอยู่ในใจ ทั้งๆที่อยากจะทำงานร่วมบูรณาการทำพื้นที่ให้ดี แต่กลายเป็นว่าไม่ลดลาวาศอกให้กัน ทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวจึงเกิดเรื่องขึ้น ประธานชุมชนใจร้อนตบหน้าคนเจ็บไป 2 ที แล้วก็มีคนมาห้ามมาแยกออกจากนั้น ไม่ได้มีใครไปรุมทำร้ายตามที่อีกฝ่ายให้ข่าวออกไป จากคลิปจะเห็นว่าเขาเดินออกจากวัดไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อนั่งรอรถพยาบาลมาช่วยเหลือด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้พระอาจารย์เคยพูดบอกเอาไว้แล้วว่าไม่ควรเอาการเมืองเข้ามาในวัด หน้าที่คือคุณคือช่วยบำบัดทำนุบำรุง บำบัดทุกบำรุงสุขให้กับคนในท้องถิ่น ไม่ใช่มาหาความวุ่นวายให้กับคนในท้องถิ่น และเอาความวุ่นวายเข้ามาในวัดแบบนี้ อยากจะฝากไปถึงต้นสังกัด ควรจะพิจารณาไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคที่ดูแล ส.ส.ทั้งสองคนด้วยว่า ส.ส.คนไหนทำงานจริงและ ส.ส.คนไหนหลงในอำนาจ มาทำให้พระคุณเจ้าวุ่นวาย ทั้งๆที่เป็นงานที่สร้างความสามัคคีให้กับชุมชน แต่เขามาทำให้แตกความสามัคคีกันจนกลายเป็นข่าวขึ้นมา

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี 092-42-8444