ข่าว เชียงราย ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น

สภาพอากาศพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย ฝุ่นละอองและหมอกควันหนาตากว่าที่ผ่านมา 

สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) รายงานว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 เกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 มี.ค.ครอบคลุมทุกจังหวัดโดย จ.เชียงราย เกินมาตรฐานแล้ว 35 วัน ส่วนกรมควบคุมมลพิษรายงานเวลา 07.00 น.วันเดียวกันว่ามีค่า PM 2.5 สูงถึง 119.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร และมีค่าคุณภาพอากาศอยู่สูงถึง 245 AQI ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แตกต่างจากเขต อ.เมืองเชียงราย ที่มีปริมาณ PM 2.5 เพียง 46.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าคุณภาพอากาศอยู่ที่ 125 AQI ทั้งๆๆ ที่ อ.แม่สาย ไม่พบจุดความร้อนจากการตรวจด้วยดาวเทียมเลยตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-5 มี.ค.นี้ กระนั้นสำนักงานฯ รายงานว่าดาวเทียมระบุว่าจุดความร้อนพบว่าในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ จนเกิดเป็นกลุ่มสีแดงอย่างชัดเจน

ด้าน นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่าได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ อ.แม่สาย จัดทำห้องปลอดฝุ่นพร้อมเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งให้มีจำนวน 130 แห่ง และได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเดินเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางเดินหายใจ รวมไปถึงให้อยู่แต่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้านหรืออาคาร ฯลฯ ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือหากมีเครื่องฟอกอากาศควรจะเปิดเอาไว้ตลอดด้วย
ล่าสุดนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พร้อมนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย ได้เดินทางไปดูความพร้อมที่ อ.แม่สาย พบว่าได้มีการเตรียมห้องปลอดฝุ่นไว้แล้ว 130 ห้อง ทั้งในโรงพยาบาลแม่สาย 50 ห้อง มีระบบความดันอากาศ 14 ห้อง สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย 1 ห้อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 12 ห้อง ขณะที่โรงพยาบาลสายได้เพิ่มเครื่องฟอกอากาศจากจำนวน 97 เครื่อง เป็น 205 เครื่องแล้ว โดยนำไปประจำทุกจุดบริการ ขณะที่มีกลุ่มเสี่ยงต่อฝุ่น OM 2.5 เช่น โรคทางเดินหายใจ หัวใจ ฯลฯ รวมจำนวนกว่า 21,825 คน.