ข่าว นราธิวาส

ชาวบ้านมูโนะร้อง กว่า 7 เดือนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

ชาวบ้านมูโนะร้อง กว่า 7 เดือนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 10 กพ. 67 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานีั ทางศาลจังหวัดนราธิวาสได้นัดไกล่เกลี่ย คู่กรณีโกดังเก็บพลุมูโนะระเบิด โดยเหตุการณ์โกดังเก็บพลุมูโนะระเบิด เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 แต่ผ่านไปกว่า 7 เดือนแล้ว ชาวบ้านร้อง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่ในห้องพิจารณาคดี จำเลยที่ 1-2 เจ้าของโกดังยอมรับเหตุโกดังเก็บพลุมูโนะระเบิดมาจากความประมาทของตน พร้อมยื่นหลักทรัพย์ ที่ดิน 15 แปลง มูลค่าประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัว โดยภรรยาของจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอออกมาดูแลลูกที่ยังเล็ก และเพื่อจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ มาชดเชยให้ชาวมูโนะ
นางสาวนิฟารา เปาะอาเดะ ในฐานะตัวแทนของชาวมูโนะ กล่าวว่า บ้านของเธอได้รับผลกระทบจากเหตุโกดังเก็บพลุมูโนะระเบิด แต่ผ่านไปแล้ว 7 เดือน เธอยังคงไม่ได้คำตอบว่า บ้านของเธอที่เสียหายทั้งหลังจะได้รับการก่อสร้างได้เมื่อไหร่ จะต้องไปคุยกับใครกันแน่ นี่คือสิ่งที่เธอพยายามหาคำตอบถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐต่อกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นที่มูโนะแห่งนี้
โดยครั้งนี้ตนได้เดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดนราธิวาส ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ศาลมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างชาวบ้านและจำเลยที่เป็นเจ้าของโกดัง มีชาวบ้านมูโนะกว่า 300 ชีวิตเดินทางมาร่วมฟังด้วย แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านได้ติดตามคดีผ่านเพียงหน้าจอทีวีที่ไร้เสียง ทำให้ไม่สามารถรู้เลยว่า ข้างในคุยอะไรกัน
“การมาศาลวันนี้ เหมือนเรามาแค่มาเฉยๆ บางคนอุตสาห์ขี่รถจักรยานยนต์มาไกลจากต่างอำเภอ เพื่อเข้ามาในเมืองมาฟังศาลนัดไกล่เกลี่ย ทุกคนมาไกลมาก ต้องทิ้งงาน เสียเวลา เสียรายได้ แต่มาแล้วกลับไม่มีข้อสรุป หรือคำตอบให้กับชาวบ้าน”
นางสาวนิฟารา กล่าวต่อว่า ตนในฐานะตัวแทนชาวบ้าน แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องพิจารณาคดีได้ ซึ่งห้องพิจารณาจะแยกระหว่างห้องของจำเลย และในส่วนของชาวบ้าน โดยในส่วนของชาวบ้านจะเปิดเพียงวิดีโอผ่านจอทีวีเล็กๆ แต่ไม่มีเสียง ทำให้ไม่รู้ว่า ในห้องพิจารณาคดี จำเลยได้พูดอะไร ผู้พิพากษาพูดอะไร ซึ่งในฐานะผู้เสียหายก็อยากรู้ในส่วนนี้เหมือนกัน
ทั้งนี้ผ่านไป 7 เดือน ทุกคนยังคงไม่ได้รับความยุติธรรม ในฐานะผู้เสียหาย ยังไม่รู้ว่าต้องคุยกับใคร ใครเป็นเจ้าภาพ ไม่มีการสื่อสารกับประชาชน หน่วยงานโยนกันไปมา ไม่ได้รับความชัดเจนใดๆ ทั้งการซ่อมสร้างบ้าน รวมไปถึงเงินบริจาคให้ชาวมูโนะ 30 ล้าน เงินส่วนนี้อยู่ที่ไหน และเงินจากสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้ มีการเบิกไปเท่าไหร่ ชาวบ้านยังไม่ได้รับการชี้แจงใดๆทั้งสิ้นจากทางภาครัฐ
“มาวันนี้คนภายนอกอาจเข้าใจว่าชาวบ้านมูโนะที่ได้รับผลกระทบได้รับการช่วยเหลือเยียวยาไปหมดแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเราชาวบ้านยังไม่ได้รับการเยียวยา” นางสาวนิฟารา กล่าว

เธอกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า มันถูกแล้วหรือ ที่โกดังเก็บพลุมูโนะควรมาถูกสร้างไว้อยู่ในที่ของชุมชม เพราะเพียงแค่พริบตาเดียว ไม่ถึง 1 เสี้ยวนาทีในวันนั้น ตนต้องมาสูญเสียน้าสาว สูญเสียบ้านทั้งหลัง สูญเสียทุกอย่าง ไม่เพียงเท่านี้ ชาวบ้านอีกหลายร้อยชีวิตต้องสูญเสียลูก ภรรยาและแม่ไปจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทั้งที่ชาวบ้านเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์ใดๆ จากโกดังเก็บพลุดังกล่าว
นางมายือนะ เจะอูมา บ้านเสียหายเกือบทั้งหลังเช่นกัน กล่าวว่า การตัดสินในวันนี้ไม่มีความชัดเจน ได้แค่คำปลอบใจให้กลับไปบ้านก่อนแล้วเดี๋ยวจะมีทนายโทรกลับมา
“สภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึงนะ เสียใจมาก เราต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ต้องไปอยู่บ้านเช่ามาหลายเดือนแล้ว โดยที่บ้านเราเองที่พังเสียหาย ไม่รู้จะได้เข้าไปอยู่ตอนไหน บ้านจะซ่อมเสร็จให้เราได้วันไหน ตอนนี้ได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยจากหน่วยงานรัฐเท่านั้น สำหรับการซ่อมแซมตัวบ้านนั้น ยังไม่มีคำตอบ
“คาดหวังให้รัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เพราะเราไม่ได้มีเงินที่จะมาซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยแล้ว อยากให้บ้านกลับในสภาพเดิมโดยเร็ว โดยศาลให้ความหวังกับเราว่า เจ้าของโกดังเก็บพลุสารภาพผิดแล้ว และยินดีที่จะรับผิดชอบทั้งหมด แต่ความจริง เราในฐานะประชาชนผู้เสียหาย เราไม่รู้เลยว่าความจริงหรือข้อสรุปในวันนี้เป็นยังไง ได้รับคำตอบจากศาลและทนายความให้รอ และนัดเจรจากันอีกครั้ง เพื่อที่เราจะได้รับเงินเยียวยา เราอยากได้ความชัดเจนตรงนี้”
“ตอนนี้พวกเราต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเอง ไม่มีความชัดเจนจาก อบต. เราไม่รู้เลยว่า เราจะได้เยียวยาจากไหน ตอนไหน “ นางมายือนะกล่าว
ด้าน นายสุนันท์ ยูโซะ บ้านเสียหายเกือบทั้งหลัง บอกว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 7 เดือน ไม่ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร เนื่องจากบ้านของตนมีการทำประกันน้ำท่วม ทำให้โดนตัดความช่วยเหลือออกไป
“ผมเป็น 1 ในไม่กี่บ้านที่มูโนะ ที่มีการทำประกันบ้านไว้ เพราะที่นี่มักเกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง เมื่อสร้างบ้านเสร็จ ผมจึงตัดสินใจทำประกัน แต่ไม่นึกว่า บ้านเสร็จต้องมาเจอกับโกดังเก็บพลุระเบิด ทำให้บ้านผมเสียหายเกือบทั้งหลัง รอคอยความช่วยเหลือจากรัฐมาหลายเดือนมาก จนรอต่อไปไม่ไหว ได้ตัดสินใจนำรถยนต์เข้าไฟแนนซ์ เพื่อนำเงินมาซ่อมแซมบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาจากความประมาทของตน แต่ในฐานะเจ้าของบ้าน กลับต้องมารับผิดชอบ และเป็นหนี้เป็นสิ้นจากการกระทำของบุคคลอื่น ซึ่งไม่ยุติธรรมกับเราและชาวบ้านมูโนะ”
โดยรัฐอ้างว่า บ้านเขามีประกันเกือบทุกอย่าง จึงไม่ช่วยเหลือ แม้แต่เบิกของ ก็ไม่สามารถเบิกของได้ ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เดียวกัน แต่ความช่วยเหลือไม่เท่ากัน และหลายบ้านที่มีประกัน ก็ถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ไปที่ศาลได้แค่ไปนั่งรอคำชี้แจง โดยที่ไม่สามารถเข้าไปนั่งฟังข้างใน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ทำได้แค่ดูผ่านจออย่างเดียว ไม่ได้ยินเสียง ดูแค่ภาพประกอบ ไกล่เกลี่ยแบบไหน

“นัดไกล่เกลี่ยอีกรอบวันที่ 15 ก.พ.นี้ ผมไม่รู้จะเป็นแบบไหน วันนี้แทบจะไม่ได้อะไร มีการห้ามถ่ายรูป ห้ามอัดเสียง ให้ปิดโทรศัพท์ทุกอย่าง อยากฝากไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ให้มาดูแลเรื่องนี้ให้จบ ทั้งในส่วนของบ้านที่ยังซ่อมไม่เสร็จ บ้านที่ต้องสร้างใหม่ อยากให้มาช่วยดำเนินการทำให้แล้วเสร็จ”
สำหรับคดีโกดังเก็บพลุมูโนะระเบิด ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้นัดไกล่เกลี่ยกับชาวบ้านอีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

ตอริก สหสันติวรกุล