Reporter&Thai Army ข่าว ปัตตานี ข่าวเด่น

สำนักข่าวมาเลเซียเสนอบทความ ใครกันแน่ที่เป็นผู้ใช้ความรุนแรงในเดือนรอมฎอนสันติ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

จากเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา อุสตาซ อัซฮาร์ อิดรุส นักเทศน์ศาสนาอิสระจากประเทศมาเลเซีย ได้บรรยายธรรมที่มัสยิดบ้านกำปงบารู (สะปอม) ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จังหวัดนราธิวาส และก่อนหน้านั้นในวันที่ 1 มีนาคม เขาได้บรรยายธรรมที่บ้านสะกำ ตำบลสะกำ อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
การบรรยายธรรมทั้งสองครั้งดังกล่าวนั้นได้มีขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อนเดือนรอมฎอน ซึ่งมีชาวมุสลิมหลายหมื่นคนในทั้งสองจังหวัดได้เข้าร่วมรับฟัง
ในเมื่อถึงเดือนรอมฎอนแล้ว ผู้เขียนได้ติดตามความคืบหน้าของชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยผ่านสื่อ โดยเฉพาะ Tik Tok ปรากฎว่าพวกเขามีความสุขมากที่ได้ต้อนรับเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ปรากฎว่าแม้จะอยู่ในพื้นที่ที่กำลังเกิดความขัดแย้ง แต่ภารกิจศาสนาในเดือนศักดิ์สิทธิ์ นั้นไม่หยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม มีฝ่ายต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจกับสถานการณ์ดังกล่าว


พวกเขากำลังพยายามหาข้ออ้างในการดำเนินการภาระกิจที่คับแคบ ซึ่งจะทำให้เดือนรอมฎอนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเสียหายด้วยการนองเลือด จึงไม่น่าแปลกใจที่สมาชิกของขบวนการแบ่งแยกดินแดนสองคนถูกวิสามัญ หลังจากพวกเขาได้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งพวกเขาต้องการใช้เป็นข้ออ้างเพื่อแก้แค้นและสร้างมลทินในเดือนรอมฎอนที่ศักดิ์สิทธิ์
ในความเป็นจริง ชายติดอาวุธทั้งสองคนถูกยิงเสียชีวิตเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำขอให้ยอมจำนนมอบตัว แต่กลับต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ รัฐบาลไทยให้คำมั่นตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะทำให้ภาคใต้ของประเทศไทยปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฎอน เหตุการณ์ในวันนั้นจะไม่มีการสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น หากพวกเขายอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ พวกเขาหวังว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยเฉพาะแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) จะมีความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน แต่ทัศนคติของ BRN กลับตรงกันข้าม ความเป็นจริงแล้ว หากต้องการให้รอมฎอนสงบสุขจริง ๆ ฝ่าย BRN ควรที่จะให้ปีกฝ่ายทหารของตนไม่ออกนอกแถว ตามที่สมาชิกสองคนดังกล่าวได้กระทำจนเป็นเหตุให้ที่ถูกยิงเสียชีวิต พวกเขามีอาวุธปืนและซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอให้มอบตัว พวกเขากลับต่อสู้…ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเป็นการบังคับให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว  หรือเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยเจรจาผิดฝ่ายในกระบวนการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ที่กำลังดำเนินอยู่ซึ่งมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก?

เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงที่ตัวแทน BRN ที่เจรจาในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมทุกฝ่ายในขบวนการแบ่งแยกดินแดน การต่อสู้ที่ทำให้เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อนย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!  ดังนั้นผู้นำของบีอาร์เอ็น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้แทนจึงได้ขอให้พิสูจน์อำนาจและสมรรถภาพ และที่สำคัญกว่านั้นคือความจริงใจและความซื่อสัตย์ในความพยายามสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
อย่าตีสองหน้า ข้างหน้าคุณเจรจาเพื่อสันติภาพ แต่เบื้องหลังคุณจัดกลยุทธ์เพื่อสร้างความวุ่นวาย ซึ่งพวกเขายังต้องพิสูจน์ด้วยว่า พวกเขามีอำนาจจริงมีการควบคุมปีกฝ่ายทหารเพื่อให้โครงการรอมฎอนสันติจะไม่ถูกทำลาย

สมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนควรเข้าใจและตระหนักเป็นอย่างดีว่า หากพวกเขาได้ดูปฏิกิริยาและการแสดงออกทางสีหน้าของชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยที่ได้ให้การต้อนรับอุสตาซ อัซฮาร์ อิดรุส และเดือนรอมฎอนนั้น พวกเขาต้องการอยู่อย่างสันติ
พวกเขาต้องการทำกิจกรรมเพื่อทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพอย่างสันติและสามารถดำเนินภารกิจศาสนาอย่างสันติ พวกเขาเบื่อแล้วเพราะเป็นเวลาหลายปีที่พื้นที่อันเป็นที่รักของพวกเขาถูกคุกคามด้วยการก่อเหตุการณ์ก่อการร้ายต้องการที่จะเรียกร้องเอกราชของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นการต่อสู้ที่สูญเปล่า   รัฐบาลไทยได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยได้มีการดำเนินปฎิบัติและขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการเพื่อให้เกิดสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


แต่เป็นที่น่าเสียดายมากที่ความพยายามจะสิ้นสุดลง หากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่จริงใจในการให้ร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อสร้างสันติภาพตามที่ประชากรมุสลิมในพื้นที่คาดหวังไว้เป็นอย่างสูง  สิ่งที่คาดหวังนั้นคือการนองเลือดจะไม่เกิดขึ้นอีกในพื้นที่จังหวัดชานแดนภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงรอมฎอนนี้ จงได้มีความเมตตาต่อชาวมุสลิมที่ต้องการถือศีลอดอย่างสันติ   หากฝ่ายกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยังคงยั่วยุหรือรบกวนความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงเดือนอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาคือผู้ทรยศต่อประชากรมุสลิม หากคุณไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นเช่นนั้น ขอให้ชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยได้เฉลิมฉลองรอมฎอนอย่างสันติ สามารถถือศีลอดและดำเนินภาระกิจศาสนาอย่างมีความสุขตลอดไป

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน